สุวัฒน์ รักทองสุข CEO “เลิศ โกลบอล กรุ๊ป” ชี้โอกาสธุรกิจบุกตลาดจีนแสนล.
“เลิศ โกลบอล กรุ๊ป” ผู้นำอันดับหนึ่งด้านการวางกลยุทธ์การตลาดและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจีน แนะช่องทาง Shortcut (ทางลัด) สู่ตลาดจีน มูลค่ากว่าแสนล้าน ชูผู้ให้บริการการตลาดจีนครบวงจร 360 องศา เชื่อมธุรกิจไทย – จีน แนะผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซ พร้อมเปิดแนวคิด “สุวัฒน์ รักทองสุข” ซีอีโอผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการพาแบรนด์ไทยบุกตลาดจีนอย่างไร
บริษัท เลิศ โกลบอล กรุ๊ป (Lert Global Group) ในฐานะผู้นำและผู้ให้บริการทางด้านการทำตลาดจีน ครบวงจรแบบ 360 องศา (One stop service) ภายใต้การบริหารของ คุณสุวัฒน์ รักทองสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และ คุณซู หย่งจวิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) สองผู้บริหารที่มากทั้งความสามารถและประสบการณ์ทางการตลาดจีน ที่เป็นผู้ให้บริการครอบคลุมทั้งการให้คำแนะนำรวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดจีน การขออนุญาตจดทะเบียนการค้า เครื่องหมายการค้าในจีนให้แก่ผู้ประกอบการหรือแบรนด์สินค้าของไทย รวมทั้งการสร้างการเข้าถึงตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยอีกด้วย
คุณสุวัฒน์ รักทองสุข หรือ คุณกันย์ กล่าวว่า ตลาดจีนถือเป็นตลาด E-commerce ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก และเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยมูลค่าตลาดกว่าแสนล้านบาท
ตลาดจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ และกว้างมาก จึงเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจก่อน ด้วยจำนวนประชากรจีนที่มีถึงพันล้านคน อยู่ไม่ไกลประเทศไทยนัก และมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวในไทยถึง 10 ล้านคน ต่อปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก นักท่องเที่ยวชาวจีนสร้างมูลค่าปีละ 500,000 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าที่สูงมากสำหรับนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังพบว่าเศรษฐกิจในจีน GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2019 เมื่อเทียบกับปี 2018
“การทำตลาดออนไลน์ Digital marketing ในประเทศจีนมีความเข้มข้น และมีการแข่งขันสูงมาก การทำการตลาดจีนจำเป็นต้องวางแผนกลยุทธ์ที่ดี เหมาะกับสินค้า และกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของผู้ประกอบการ สิ่งที่ต้องเรียนรู้ที่สำคัญคือ mind set ของคนจีน และพฤติกรรมของเขา เพราะปัจจุบันการทำตลาดออนไลน์ และ E-commerce ในจีนนั้น ได้ล้ำหน้าไปไกลกว่าเรา 2 ยุค ไม่ใช่ปี หรือ 2 ปี แต่ไปไกลกว่าเราเป็น 10 ปี ดังนั้นการสร้างตัวตนของแบรนด์ในโลกออนไลน์ ให้เข้าถึงและการตระหนักรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการใช้ Influencers Marketing, Social Media และ E-commerce อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้น มีอิทธิพลอย่างสูงและได้รับความนิยมอย่างมากในจีนและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น Pin Duo Duo เป็นต้น” คุณสุวัฒน์กล่าว
จากผลสำรวจพบว่าปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีนหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 58% ซื้อสินค้าทั้ง 2 ช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 26% และช่องทางออฟไลน์ 17% จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาและรวดเร็ว ดังนั้นแพลตฟอร์มหรือช่องทางออนไลน์ที่ประเทศจีนจึงได้รับความนิยมอย่างมาก
ปัจจุบัน ตลาด E-commerce ในรูปแบบใหม่กำลังได้รับความนิยมมากในประเทศจีน สื่อใหม่เหล่านี้มีอัตราการเติบโตมากกว่า 400% ซึ่งคาดการณ์ว่าการตลาดออนไลน์ในจีนจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนด้านการตลาดออนไลน์ที่เป็น Traditional E-commerce ยังคงเติบโตขึ้น 4-5% แม้ขณะนี้จะอยู่ในจุดอิ่มตัวก็ตาม
คุณกันย์ สุวัฒน์ กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติม “เลิศ โกลบอล กรุ๊ป” เริ่มต้นดำเนินธุรกิจผู้ให้คำปรึกษา การวางแผนและวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาดจีน ตั้งแต่ปี 2014 โดยเริ่มก่อตั้งบริษัทฯ สาขาแรกที่เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ประเทศจีน (China) และให้บริการแก่ผู้ประกอบการชาวจีนในจีน และรองรับ ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการนำสินค้าไปเปิดตลาดในประเทศจีน ต่อมาในปี 2016 ได้มีการขยายสาขาของบริษัทฯ มายังประเทศไทย และตั้งเป็นสำนักงานใหญ่ประจำประเทศไทย ล่าสุดในปี 2019 บริษัทฯ ได้ขยายสาขาเพิ่ม ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน เพื่อให้บริการและดูแลในส่วนธุรกิจ E-commerce เป็นหลัก
“การเติบโตที่รวดเร็วของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากผู้ประกอบการไทยที่ต้องการไปขยายตลาดในจีนจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังไม่มีความรู้ในการทำตลาดจีน เนื่องจากมองว่าตลาดจีนมีขนาดใหญ่และมีโวลุ่มในการทำตลาดสูง เราจึงได้มีการจัดตั้งออฟฟิศทั้งในไทยและจีนเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว โดยใช้ประสบการณ์ที่อยู่ในจีนมานาน ประกอบกับเป็นบริษัทที่นำวัฒนธรรมไทยกับจีนมาผสมผสานในการสร้างโอกาสทางการตลาด เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายในการทำตลาดจีนและใช้โอกาสนั้นเป็น Short Cut การตลาดจีน ในการพาผู้ประกอบการไทยไปทำตลาด”
ทั้งนี้ด้วยความประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดจีนมานานกว่า 16 ปี ตั้งแต่ได้เข้าเรียนที่จีน ประกอบกับประสบการณ์ในการทำงานในจีนหลากหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนของแม่ทัพใหญ่รายนี้ ทำให้ เลิศ โกลบอล กรุ๊ปฯ มีข้อได้เปรียบคู่แข่งในตลาดเดียวกันนั่นคือเรื่องการเข้าใจในอินไซด์พฤติกรรมของลูกค้าชาวจีน และพฤติกรรมแยกย่อย ที่เจ้าตัวบอกว่า “ต้องไม่ตามลูกค้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องชี้ให้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของแบรนด์” ก่อนทำแผนการตลาดให้กับแบรนด์นั้นๆ
สำหรับยุทธ์ศาสตร์ของบริษัทเลิศ โกลบอลกรุ๊ป นับจากนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเรื่องของยอดขายเท่านั้น หากแต่ต้องสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยผ่านปัจจัยและ Key หลักที่มีร่วมกันทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ,ตอบโจทย์ตัวลูกค้าเอง และตอบโจทย์บริษัทว่ามีส่วนช่วยเหลืออย่างไร โดยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ 100 ราย แบ่งเป็น ลูกค้าไทยไปจีน 80% ลูกค้าจีนมาไทย 20% ผ่าน 3 กลุ่มหลักได้แก่ 1.กลุ่มบริษัทไทยที่ต้องการไปดำเนินธุรกิจในจีน 50% 2.กลุ่มบริษัทจีนที่ต้องการขยายตลาดในประเทศจีน 30% 3.กลุ่มบริษัทจีนที่ต้องการขยายตลาดมาไทย 20% โดยมาจากกลุ่มธุรกิจความงาม 40% อาหารและเครื่องดื่ม 30% และกลุ่มธุรกิจบริการและแลนด์มาร์ก อาทิ คลินิกความงาม,ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ,ธนาคาร 20% โดยมียุทธ์ศาสตร์หลักทั้ง Co-Partner ทั้ง Media Platform , E-Commerce Platform Online – Offline Platform แบบครบทุกช่องทางในการให้บริการลูกค้าให้ตรงจุดมากที่สุด
“แม้เราจะเน้นจุดแข็งในแง่ของการตลาดออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซ หรือเทรดดิชั่นนอล อีคอมเมิร์ซ หรือแม้กระทั่งอีคอมเมิร์ซเฉพาะทางที่เป็น Co-Partner กับบริษัทเกือบครบทั้งหมดแล้ว ก็ยังมองว่าช่องทางออฟไลน์ในจีนใหญ่มากและมีโอกาสทางการเติบโต ทำให้บริษัทต้องเลือกที่จะทำให้แก่ลูกค้าด้วย เช่นถ้าสินค้ายังไม่ถูกขายในจีนหรือไม่วางจำหน่ายจะต้องทำออนไลน์ก่อน แต่ถ้าวางจำหน่ายแล้ว ถึงจะมีการทำออฟไลน์ อีเวนต์ หรือการออกงานแสดงสินค้า อย่างงาน China Beauty Expo (CBE) ที่ใหญ่ที่สุดในจีน งานที่รวมสินค้าความงามจากทั่วโลกที่ต้องการทำตลาดในจีนอีกด้วย โดยในปี 2020 จะจัดขึ้นในวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2563 เรานำสินค้าแบรนด์ไทยไปงานนี้ด้วย”
ผู้บริหารหนุ่มยังเผยถึงความท้าทายในตลาดจีนอีกว่า การจะประสบผลสำเร็จในตลาดที่มีสเกลใหญ่แบบนี้ได้จำเป็นต้องมีแผนการตลาดจะต้องแตกต่างจากที่อื่น ยกตัวอย่าง อาหารบางประเภทที่เจ้าของแบรนด์มองว่าตลาดจีนต้องการ เช่นทุเรียนอบกรอบ มะม่วงอบแห้ง แน่นอนว่าตลาดจีนต้องการจริง แต่หากย้อนมองดีๆจะพบว่า มีแบรนด์ไทยจำนวนมากเข้าไปทำตลาดดังกล่าวแล้วกว่ากว่า 1,000 แบรนด์ เช่นเดียวกับหมอนยางพาราที่เติบโตจากไม่กี่ร้อยแบรนด์ไทยที่เข้าไปทำตลาด ปัจจุบันพุ่งสูงกว่า 2,000 แบรนด์ในตลาดแล้ว ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวเราจะเข้าไปแข่งในเรดโอเชี่ยนแบบนี้อย่างไร ซึ่งเราต้องมองหาข้อแตกต่างและยุทธศาสตร์ให้แก่ลูกค้า นั่นคือวิธีการทำงานของเรา
“ประสบการณ์ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมองว่าเขาบอกว่าดี เราก็ว่าดี สองประโยคนี้เห็นได้มากจากผู้ประกอบการที่ต้องการไปลงทุนจีน แต่หารู้ไม่ว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นทำตลาดมาแล้วกี่สิบปี ซึ่งตรงนี้เราต้องมีหน้าที่คอยช่วยเหลือผ่านสถิติที่มีอยู่ เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นข้อแตกต่างจุดอ่อน จุดแข็งก่อนจะมีการขยายตลาดออกไป เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในท้องตลาด”
ไม่เพียงแต่แนวคิดการทำงานที่ต้องตอบโจทย์เท่านั้น หากแต่ปัจจุบัน เลิศ โกลบอลฯ ยังการันตีผลงานด้วยอัตราการเติบโตของบริษัทที่สูงกว่า 100% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยวางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นในปี 2020 ที่ 100% ซึ่งการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก้าวขึ้นสู่ผู้นำอันดับ 1 ในตลาด
และนั่นคือแนวคิดทั้งหมดของ สุวัฒน์ รักทองสุข ซีอีโอ บริษัทเลิศ โกลบอลกรุ๊ป จำกัด ผู้การันตีผลงานความสำเร็จที่ไม่ใช่เพียงแนวคิดที่ดี หากแต่ใช้ความสามารถและผลงานเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่มีต่อลูกค้าได้เป็นอย่างดี