กรุงเทพฯค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียมถูกสุดเป็นอันดับ 10 ของโลก
บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดผลการวิจัยที่พบว่า ในปีนี้ กรุงเทพฯ เป็นทำเลที่มีค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอบวก(A+)ถูกที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก จากที่เคยอยู่ในอันดับที่ 7 ในปี 2561 เนื่องจากค่าเช่ามีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
รายงานดังกล่าวของเจแอลแอลมีชื่อว่า Premium Office Rent Tracker ซึ่งจัดทำขึ้นปีละครั้ง โดยนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบต้นทุนในการเช่า (ค่าเช่ารวมภาษีและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง) สำหรับออฟฟิศในอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมในย่านธุรกิจสำคัญๆ 86 ทำเลของ 73 เมืองใหญ่ทั่วโลก
โดยในปีนี้ กรุงเทพฯ มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยสำหรับพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียมอยู่ที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางฟุตต่อปี เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2561 ที่มีค่าเช่าเฉลี่ย 42 ดอลลาร์ ค่าเช่าที่สูงขึ้นเป็นผลจากการที่อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมเป็นที่ต้องการสูงของบริษัทผู้เช่า ในขณะที่ซัพพลายที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ในภาวะไม่เพียงพอรองรับความต้องการความต้องการของผู้เช่า
แม้ค่าเช่าของกรุงเทพฯ จะสูงขึ้น แต่ยังห่างไกลเมื่อเทียบกับย่านเซ็นทรัลของฮ่องกง ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นย่านที่มีค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียมแพงที่สุดในโลก (ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 3) โดยแพงกว่าค่าเช่าของกรุงเทพฯ ถึงเกือบ 5 เท่า นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีค่าเช่าออฟฟิศเกรดพรีเมียมแพงอันดับที่ 14 ของโลกและแพงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงเทพฯ มียังมีค่าเช่าถูกกว่าราว 2.5 เท่า และหากเปรียบเทียบกับเฉพาะเมืองในเอเชียด้วยกัน กรุงเทพฯ มีค่าเช่าต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากอันดับ 1 คือ เมืองเฉินตูของจีน และอันดับ 2 คือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย
สิ่งที่ผู้เช่าคาดหวังจากอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม
ผลการสำรวจของเจแอลแอลเกี่ยวกับสิ่งที่บริษัท/องค์กรต่างๆ คาดหวังจากออฟฟิศสำนักงานของตน พบว่า 55% คาดหวังให้ออฟฟิศเป็นสถานที่ที่เอื้อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น 48% ต้องการให้มีส่วนในส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และ 42% คาดหวังให้เป็นสถานที่ที่น่าทำงานทั้งสำหรับพนักงานที่มีอยู่เดิมและบุคลากรใหม่ที่บริษัทต้องการให้เข้ามาร่วมงานด้วย
แม้ประสบการณ์ของพนักงานจะขึ้นอยู่กับตัวองค์กรและออฟฟิศเป็นสำคัญ แต่บริษัทผู้เช่าคาดหวังให้อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม ที่เป็นที่ตั้งออฟฟิศของตน มีส่วนในการทำให้พนักงานรู้สึกดีด้วยเช่นกัน ในประเด็นนี้ ความคล่องตัวนับเป็นปัจจัยที่สำคัญ ความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับสำนักงานให้เช่าในรูปแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซและเซอร์วิสออฟฟิศ ซึ่งเรียกรวมว่า เฟล็กสเปซ (flexspace) สะท้อนแนวโน้มนี้ได้เป็นอย่างดี โดยผลสำรวจเดียวกันของเจแอลแอล พบว่า บริษัท/องค์กรต่างๆ คาดว่า ภายในปี 2563 เฟล็กสเปซจะมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 31 ของพื้นที่สำนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก
นอกจากนี้ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ยังคงเป็นกระแสที่ทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไปให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น จึงคาดหวังให้อาคารที่ใช้เป็นสถานที่ตั้งออฟฟิศ มีส่วนในการสนับสนุนเป้าหมายด้านนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรให้มีพื้นที่สีเขียว การมีคุณสมบัติในการลดการใช้ทรัพยากร รวมไปจนถึงการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน
ทั้งนี้ “JLL” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกธุรกิจบริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 93,000 คน สำหรับในประเทศไทยเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพนักงาน 1,600 คน มีอสังหาริมทรัพย์และสถานประกอบการภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 6 ล้านตารางเมตร
JLL ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลระดับห้าดาวในสาขาที่ปรึกษาและตัวแทนซื้อขายให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย จากการประกาศรางวัล International Property Awards Asia Pacific 2019-2020 และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดในเอเชียแปซิฟิกในทั้งสองสาขาที่มีคุณสมบัติผ่านไปเข้าชิงรางวัลระดับโลกที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jll.co.th