CAT จับมือ PEA พัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ลดลงทุนซ้ำซ้อน พัฒนาต่อยอดสู่ 5G
พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ร่วมลงนามความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ณ ห้องประชุม 808 อาคารสำนักงานใหญ่ CAT ถนนแจ้งวัฒนะ
ความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมระหว่าง CAT และ PEA ในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แต่ละองค์กรมีอยู่ โดยเฉพาะเสาโทรคมนาคมและเสาไฟฟ้า เพื่อนำไปให้บริการแก่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมใช้ดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลให้ทั้งสองหน่วยงานได้ทราบถึงแนวทางในการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงช่วยลดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ซ้ำซ้อน อีกทั้งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเร่งพัฒนาคุณภาพบริการแก่ภาคธุรกิจและภาคประชาชนได้เร็วขึ้น
พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง PEA กับ CAT ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นนิมิตหมายอันดีของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งที่จะนำศักยภาพที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของชาติในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านโทรคมนาคม โดยปัจจุบัน CAT มีเสาโทรคมนาคมราว 20,000 ต้นที่พร้อมสำหรับให้ผู้ประกอบการได้ใช้งาน ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนและยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาบริการด้วยเทคโนโลยี 5G ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภาพรวมในด้านต่าง ๆ ของประเทศและการให้บริการแก่ประชาชนในที่สุด”
นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA กล่าวว่า “PEA หวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวสู่ยุค 5G ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ ที่จะพลิกโฉมทุกสิ่งทุกอย่างให้ Smart ตั้งแต่ระดับบุคคลที่มีวิถีชีวิตประจำวันแบบ Smart Life ไปจนถึงระดับเมืองสู่ Smart City และระดับประเทศที่พัฒนาเป็น Smart Country”