แชฟฟ์เลอร์ร่วมมือมทร.อีสาน พัฒนาหลักสูตรระบบขนส่งรถไฟ-เทคโนโลยีในไทยครั้งแรก
แชฟฟ์เลอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรมระดับโลก ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (RMUTI) ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MoU) เพื่อพัฒนาความรู้ด้านระบบขนส่งรถไฟและเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยร่วมกับบริษัท ทีเอ็นจี คอร์ปอเรชั่น และบริษัท เฮฟวี่ 34 เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เพื่อพัฒนาและดำเนินการหลักสูตรโปรแกรมการเรียนรู้และการฝึกอบรมทางเทคนิคเกี่ยวกับระบบการขนส่งทางรถไฟ ที่วิทยาลัยทักษะนวัตกรรม (CIS) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน แชฟฟ์เลอร์เป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาระดับโลกสำหรับการขนส่งระหว่างเมือง
นายมาร์ติน ชไรเบอร์ ประธานฝ่ายอุตสาหกรรมภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท แชฟฟ์เลอร์ กล่าวว่า “แชฟฟ์เลอร์ให้บริการด้านอุตสาหกรรมมานานกว่าสิบปีด้วย ความสามารถของเราในการผลิตตลับลูกปืนสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับระบบขนส่งรถไฟ เราพร้อมที่จะขยายบทบาทในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพัฒนายุทธศาสตร์ของเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศจีน เนื่องจากเรามองเห็นถึงแนวโน้มด้านการขนส่งระหว่างเมืองในปัจจุบัน ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ทีมงานที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง รวมทั้งต้องมีความเข้าใจในระบบเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งแชฟฟ์เลอร์เป็นบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในเชิงลึก และมีความรู้ด้านเทคนิคในโครงการรถไฟที่หลากหลาย โดยเฉพาะด้านการขนส่งด้วยความเร็วสูง การขนส่งสินค้า และการขนส่งในท้องถิ่นในเมืองใหญ่ทั่วโลก ที่ผ่านมาแชฟฟ์เลอร์ได้ทำการทดลองในห้องปฏิบัติการทดสอบในประเทศเยอรมนี และประเทศจีน ซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”
นายมาร์ติน ชไรเบอร์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำระดับโลกในด้านนวัตกรรม แชฟฟ์เลอร์มีความพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาและวิจัยต่าง ๆ ซึ่งพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานและแชฟฟ์เลอร์ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลกของแชฟฟ์เลอร์ และการขยายฐานความรู้ให้ครอบคลุมในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยได้ โดยก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2560 แซฟฟเลอร์ฯ จัดตั้ง “แชฟฟ์เลอร์ ฮับ (Schaeffler Hub)” เพื่อการวิจัยขั้นสูงที่มหาวิทยาลัย Southwest Jiaotong (SWJTU) จังหวัดเฉินตู ประเทศจีน โดยความร่วมมือในครั้งนั้น มีจุดมุ่งหมายมุ่งเน้นไปที่การออกแบบและการพัฒนาตลับลูกปืนใน axlebox เพิ่มเติม โดยการรวมความสามารถในการวิจัยของมหาวิทยาลัยเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านระบบเมคคาทรอนิกส์และระบบของแชฟฟ์เลอร์ในการบำรุงรักษาแบบคาดการณ์ล่วงหน้าได้
มหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพสูงตั้งอยู่ในศูนย์กลางด้านการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟของไทย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (RMUTI) เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (RMUT) ซึ่งเป็นสถาบันหลักของมหาวิทยาลัย 9 แห่งในประเทศไทย ที่ให้การศึกษาระดับปริญญาตรีและระดับที่สูงกว่า โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเปิดดำเนินงาน 5 วิทยาเขตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นภูมิภาคการพัฒนาที่สำคัญสำหรับโครงการ Belt and Road โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 (พ.ศ.2560 – 2564) จากกรุงเทพถึงจังหวัดนครราชสีมา (252.5 กม.) อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และระยะที่ 2 (พ.ศ.2565 – 2569) จะขยายจากจังหวัดนครราชสีมาไปจังหวัดหนองคายระยะทาง 355 กม. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในฐานะเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีส่วนช่วยในการพัฒนามาตรฐานการศึกษาด้านเทคนิคและการฝึกอบรมวิชาชีพในประเทศไทยโดยเฉพาะในด้านระบบการขนส่งทางรถไฟ
นายชัยชาญ โอปนายิกุล รองผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือระหว่างแชฟฟ์เลอร์และพันธมิตรธุรกิจในครั้งนี้นับเป็นการมีส่วนร่วมครั้งแรกของกลุ่มแชฟฟ์เลอร์ในโครงการพัฒนาด้านวิชาการสำหรับระบบขนส่งระหว่างเมืองในไทย ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาของรัฐบาลไทย ที่พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมด้านเทคโนโลยีใหม่และทันสมัยในอุตสาหกรรมและระบบขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road”
สำหรับแชฟฟ์เลอร์ กลุ่มแชฟฟ์เลอร์เป็นผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมระดับโลก ด้วยการนำเสนอส่วนประกอบ และระบบที่มีความแม่นยำสูงในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และตัวถัง รวมถึงโซลูชั่นตลับลูกปืนแบบเม็ดกลม และแบบธรรมดาสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนมาก กลุ่มแชฟฟ์เลอร์ได้สร้างแนวคิด “การขับเคลื่อนเพื่ออนาคต” เทคโนโลยีของเราสร้างยอดขายได้ประมาณ 14.2 พันล้านยูโรในปี 2561 โดยมีพนักงานประมาณ 89,000 คน แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีสำนักงานสาขากว่า 170 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งที่เป็นโรงงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา และสำนักงานขาย ด้วยการลงทะเบียนสิทธิบัตรมากกว่า 2,400 รายการในปี พ.ศ. 2561 แชฟฟ์เลอร์เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสองของเยอรมนีตาม DPMA (สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเยอรมัน