เปิดจม.’ศุภลักษณ์ อัมพุช’ บิ๊กเดอะมอลล์ กรุ๊ปถึงนายกฯ เสนอแนวทางช่วยสังคม-กลยุทธ์ฟื้นพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมไทยยั่งยืน
คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (Miss Supaluck Umpujh, Chairwoman of The Mall Group Company Limited) นักธุรกิจหญิงแถวหน้าแห่งวงการค้าปลีกไทยคนเดียวที่ได้รับจดหมายจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายตอบนายกฯ นำเสนอแนวทางการสนับสนุนช่วยเหลือสังคมและกลยุทธ์การฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างยั่งยืนมีเนื้อหาดังนี้
ตามที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีหนังสือขอความร่วมมือระดับชาติ เพื่อเอาชนะโควิด-19 ไปด้วยกันทั้งประเทศ นั้น
ดิฉันในนามบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป และในฐานะประชาชนคนไทย ใคร่ขอขอบพระคุณ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทย และหน่วยงานทางราชการทุกท่านที่ได้ดำเนินมาตรการ การป้องกัน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดียิ่ง ด้วยการตัดสินใจที่กล้าหาญ และการเสียสละ การร่วมแรงร่วมใจของคนไทย ทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาลที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ความทุ่มเท ความเสียสละอย่างสุดกำลัง จนทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นี้ได้ จนได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศทั่วโลก ในฐานะเป็นประเทศที่มีมาตรฐานสาธารณสุขที่ดีเยี่ยมที่สุดของโลก นำมาซึ่งความปลื้มปีติของคนไทยทั้งประเทศ ดิฉันในนามบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นหนึ่งในตัวแทนภาคเอกชนในการนำเสนอแนวทางการช่วยเหลือประชาชนชาวไทย ที่เดือดร้อน และใคร่ขอเสนอแผนการฟื้นฟู และพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ ให้มีความเข้มแข็ง และก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ประกาศมาตรการทางการแพทย์ระดับชาติ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 โดยทุกศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ปทุกแห่ง ได้ดำเนินการยกระดับมาตรการ ความปลอดภัย ด้านสาธารณสุขเชิงรุกอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง อีกทั้งได้แสดงเจตจำนงและความรับผิดชอบ ต่อสังคม ผ่านโครงการเพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โครงการเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคลากร ทางการแพทย์ และการช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆ ตลอดจนโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากวิกฤติโควิด-19 ดังนี้
- โครงการสนับสนุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เครื่องอุปโภค -บริโภค ที่จำเป็นในการดำรงชีพ และอาหาร รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
- โครงการเดอะมอลล์ กรุ๊ป – รพ.ราชวิถี รวมใจเพื่อคนไทย ปลอดโควิด-19 เพื่อระดมการบริจาคจากพันธมิตรธุรกิจ ลูกค้า และประชาชนทั่วไป เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
- โครงการมอบเงินสนับสนุน ผ่านฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แก่ 5 โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันบำราศนราดูร
- โครงการมอบอาหารกล่องจากครัวน้ำใจ โดยกูร์เม่ต์มาร์เก็ต ของเดอะมอลล์ทุกสาขา ให้แก่ โรงพยาบาล จำนวนรวม 30,000 กล่อง เป็นเวลา 30 วัน
- โครงการถุงยังชีพชุดกำลังใจ อันประกอบด้วยสินค้าอุปโภค-บริโภค แก่โรงพยาบาล จำนวนรวม 10,000 ชุด
- โครงการความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจร้านอาหารกว่า 30 ร้าน มอบอาหารกล่องจำนวน 5,000 กล่อง เพื่อเป็นกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์
- โครงการเดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช เพื่อต่อลมหายใจ ด้วยการระดมการบริจาคเพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจแก่ 3 โรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
- โครงการบริจาคโลหิตเพื่อศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อร่วมบรรเทาการขาดแคลนโลหิตสำรอง ผ่านห้องรับบริจาคโลหิตที่เดอะมอลล์ทุกสาขา จำนวนเบื้องต้นรวมกว่า 2,000,000 CC จากผู้มี จิตศรัทธากว่า 5,000 คน ในระยะเวลา 30 วัน
- โครงการลดค่าครองชีพ และมอบถุงยังชีพชุดกำลังใจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน และสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์
- โครงการ “พาณิชย์ลดราคาข้าว ช่วยประชาชน” ร่วมลดราคาข้าว สูงสุด 50%
- โครงการ “พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน” ร่วมปรับลดราคาสินค้าอุปโภค บริโภคที่มีความจำเป็นในการดำรงชีพใน 6 กลุ่มสินค้า สูงสุด 50% จำนวนกว่า 3,000 รายการ นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วยการจัดรายการลดราคาสินค้า ในราคาพิเศษสุด รวมกว่า 100,000 รายการ ตลอดปี 2563
- โครงการมอบถุงยังชีพชุดกำลังใจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 5,000 ชุด
- โครงการรับผิดชอบต่อองค์กรและสังคม ด้วยมาตรการช่วยเหลือพนักงานในเครือกว่า 20,000 ราย โดยไม่มีนโยบายเลิกจ้าง และช่วยเหลือพนักงานที่มีภาระครอบครัว ให้การกู้ยืมเงินโดยไม่มีอัตราดอกเบี้ย และดูแลช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล
- โครงการช่วยเหลือผู้เช่า และผู้ประกอบการร้านค้าของทุกศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าทุกสาขาในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยมีมาตรการไม่เก็บค่าเช่าในช่วงปิดบริการ และมีมาตรการลดค่าเช่าหลังเปิดบริการ เพื่อช่วยเหลือผู้เช่า และผู้ประกอบการร้านค้ากว่า 10,000 ราย
- โครงการช่วยเหลือภาคเกษตรกรรม ภาคการประมง ภาคธุรกิจแปรรูป และ SME ทั่วประเทศ
- บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความห่วงใยในการระบายสินค้าต่าง ๆ เพื่อทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ได้มีบทบาทการเป็นแกนกลางในการผนึกความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจรีเทลทั่วประเทศ ผ่านสมาคมค้าปลีกไทย สมาคมศูนย์การค้าไทย ในการเปิดพื้นที่เป็นช่องทางการจำหน่ายเพื่อระบายสินค้าภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมแปรรูป ภาควิสาหกิจชุมชน OTOP ตลอดจน SME ตลอดทั้งปี โดยบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้นำร่องด้วยโครงการตลาด เดอะมอลล์รวมใจ THE MALL TOGETHER MARKET ทุกสาขา โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ศกนี้เป็นต้นไป
อนึ่ง นอกเหนือจากโครงการการสนับสนุนช่วยเหลือต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ดำเนินการเฉกเช่นผู้นำภาคเอกชนต่างๆ ได้ให้การช่วยเหลือสังคมโดยรวม ดิฉันในนามบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ใคร่ขอเรียนเสนอวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์แผนการฟื้นฟู และขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืนของประเทศ โดยมีส่วนร่วมเป็นแกนกลางรวมพลังเพื่อบูรณาการทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
การเดินหน้าประเทศไทยภายหลังวิกฤติโควิด -19 เป็นวาระแห่งชาติที่มีความสำคัญยิ่ง มิได้เป็นเพียงความท้าทายของรัฐบาลเท่านั้น หากแต่จะเป็นอีกความท้าทาย และบทพิสูจน์ในพลังแห่งความร่วมมือของคนไทยทุกคน ที่จะร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพราะโลกภายใต้บรรทัดฐานใหม่ NEW NORMAL ที่เกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างรุนแรงต่อมวลมนุษยชาติภายหลังวิกฤติโควิด -19 ประเทศที่ปรับตัวฟื้นฟูได้เร็วกว่า พื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่า มียุทธศาสตร์การฟื้นฟู และการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จะสามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ได้
สำหรับประเทศไทยนั้น ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นผลจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ GDP มีเกณฑ์ที่ตกต่ำลงอย่างมาก ความไม่แน่นอนของทิศทางมาตรการกีดกันทางการค้า การแข็งค่าของค่าเงินบาท ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกมีข้อจำกัดจากการขยายตัว ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและผลกระทบจาก World Disruption จากเทคโนโลยี และที่สำคัญยิ่ง การซ้ำเติมของการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็น วิกฤตการณ์ร้ายแรงต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย และทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
จากวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางด้านมนุษยชาติ (Humanity) และผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ (Global Economic Recession) ประเทศต่าง ๆ ทุกประเทศ ทั้งใน เอเชีย ยุโรป อเมริกา และทุกภูมิภาคทั่วโลกจะต้องดำเนินการเยียวยา ฟื้นฟู และพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาที่ตามมาจะทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง กำลังการใช้จ่าย Spending Power ของทุกประเทศ จะลดลง เงินทุนและกองทุนสำรองของแต่ละประเทศจะลดลง คนจะตกงานมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
สิ่งที่เดอะมอลล์ กรุ๊ปใคร่ขอนำเสนอ คงไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงิน แต่เป็นวิสัยทัศน์ และแนวกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการฟื้นฟู และพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยที่ทั้งทางภาคเอกชน ทุกภาคส่วน และภาครัฐบาลทุกหน่วยงานจะต้องมุ่งมั่น และมีเป้าหมายร่วมกัน ต้องฟันฝ่าอุปสรรค และนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ประเทศไทยเราได้ชัยชนะจากการระงับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้จนเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทของรัฐบาล และความร่วมมือร่วมใจสนับสนุนจากประชาชน คนไทยทุกคน ด้วยความกล้าหาญเสียสละ ความเก่งกล้าของบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาล จนประสบความสำเร็จ และนำมาซึ่งความปลื้มปิติของคนไทยทั้งประเทศ
ด้วยยุทธศาสตร์ของการสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทย การสร้างงานสร้างอาชีพ การสร้างรายได้ให้กับประชาชนและประเทศไทยภายใต้บรรทัดฐานใหม่ New Normal สำหรับคนทุกภาคส่วน ตั้งแต่ แรงงานขั้นพื้นฐาน เกษตรกร SME Entrepreneur White Collar เจ้าของธุรกิจ จนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ภายใต้กลยุทธ์ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องให้ความสำคัญ คือ 3 หัวข้อหลัก
1. Globalization ทำให้ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของ South East Asia
2. Digitalization การนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้สำหรับ New Normal ทั้งในแง่การทำธุรกิจ และการ ใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่
3. Tourism เป็น Spearhead หัวหอกหลักที่จะนำประเทศไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และมีผลต่อเนื่อง Value Chain ไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย และเป็นส่วนที่ประเทศไทยสามารถใช้เป็นจุดแข็ง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็น Tourist Destination of the World โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่เป็น World Number 1 Tourist Destination ติดต่อกันถึง 4 ปี อีกทั้งภูเก็ตและพัทยาติดอันดับ Top 10 Tourist Destination in Asia
เดอะมอลล์กรุ๊ป ใคร่ขอเสนอ 10 แผนแม่บท 10 แผนยุทธศาสตร์ที่จะขอให้ทั้งทางภาครัฐบาลและภาค เอกชนร่วมมือกัน มี Commitment ร่วมกัน เพื่อยังผลให้โครงการเหล่านี้ประสบความสำเร็จยิ่ง
1. THAILAND AS A WORLD CLASS SHOPPING PARADISE ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งระดับโลก
2. THAILAND AS A WORLD FOOD DESTINATION ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมอาหารของโลก
3. THAILAND AS A HUB OF WORLD CLASS ENTERTAINMENT AND ATTRACTIONS IN SEA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิงและแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
4. THAILAND AS A HUB OF MICE MARKET IN SEA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประชุมสัมมนาและจัดแสดงสินค้าระดับโลกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
5. THAILAND AS A CULTURAL AND ART CENTER OF ASIA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่ง ศิลปวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย
6. THAILAND AS A WORLD CLASS CENTER OF FESTIVAL, LEISURE & FUN ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดเทศกาลแห่งความสุขและสนุกสนานระดับโลก
7. THE GULF OF THAILAND AND THE ANDAMAN SEA TO BECOME THE RIVIERA OF THE EAST AND CRUISE LINE PLAYGROUND อ่าวไทยและคาบสมุทรอันดามัน เสมือนเป็นริเวียร่าแห่งโลกตะวันออกและเส้นทางเดินเรือสำราญที่สำคัญของเอเชีย
8. THAILAND AS A MEDICAL HUB FOR HEALTH, WELLNESS & SPA RESORT IN ASIA ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ สุขภาพ ความงาม และสปา ในภูมิภาคเอเชีย
9. THAILAND AS THE ENTREPRENEUR, SME & STARTUP HUB OF SEA FOR O2O SEAMLESS EXPERIENCE ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับ ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี และ สตาร์ทอัพ
10. THAILAND AS A CENTER OF ECOTOURISM AND ENVIRONMENTAL SUSTAINABILITY ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ท้ายนี้ ดิฉันในนามบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างจริงใจและจริงจัง ภายใต้กลยุทธ์และแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 10 ข้อนี้ จะทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จ นำมาซึ่งการสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทย สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มให้กับประชาชนหลายล้านคน คาดว่าจะสร้างรายได้และทำรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่ประเทศกว่า 100,000 ล้านบาท ยังผลให้ประเทศไทยฟื้นฟูและยืนหยัดด้วยความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ดิฉันใคร่ขอส่งพลังแห่งความปรารถนาดีให้กับคนไทยทั้งประเทศ
THE POWER OF LOVE พลังแห่งความรัก และความห่วงใยซึ่งกันและกัน
THE POWER OF FAITH พลังแห่งความศรัทธาและเชื่อมั่นต่อประเทศไทย
THE POWER OF TOGETHERNESS พลังแห่งความร่วมแรง ร่วมใจ ของคนไทยทั้งประเทศ
พลังแห่งความเป็นไทยที่เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่ง ควรค่าแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน