เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ …สัมพันธ์ชื่นมื่นจีนสหรัฐฯ (1)..
ขอพักเขียนเรื่องสิงค์โปร์เพื่อพาผู้อ่านไปสัมผัสกระแสกรณีพิพาทจีนสหรัฐ ซึ่งกำลังครอบคลุมสังเวียนข่าวทั่วโลก มีการเสนอข่าวหลายแง่มุม รวมทั้งการประเมินสหรัฐฯกับจีนอาจรบกันเพื่อยุติการพิพาท
ทั้งนี้ทั้งสองประเทศต่างมีสัมพันธ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มาตลอด คงจำได้สมัยสงครามเย็นที่จีนหนุนขบวนการก่อการร้ายในหลายประเทศ รวมทั้งไทย ขณะที่สหรัฐฯต้าน แต่ครั้งหนึ่งเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วจีนกับสหรัฐฯต่างชื่นมื่น
สาเหตุเกิดจากฝ่ายหลังเริ่มเจริญ ทั้งนี้หลังประกาศอิสรภาพเมื่อ 244 ปีที่แล้ว เพื่อครอบครองดินแดนกว้างใหญ่บนทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐฯสามารถสร้างความเจริญให้ตัวเองจนประเทศทั่วโลกต้องเหลือบตามอง
(https://www.fodors.com/news/photos/top-10-all-american-landmarks)
ส่วนจีนที่ต้องเหลือบตาก็เพราะกำลังอยู่ในช่วงการเคลื่อนไหวทางการเมืองของชาวจีนที่อยากให้ประเทศมีการปกครองด้วยระบอบทันสมัย ไม่ใช่ระบอบพระจักรพรรดิ์ ตลอดเวลามีการติดตามข่าวคราวจากสหรัฐฯ ผ่านคนที่เคยเดินทางไปสหรัฐฯ
รวมทั้งคนที่เคยอาศัย ซึ่งในกลุ่มนี้ที่มากที่สุดในเวลานั้นก็คือ บรรดาหมอสอนศาสนาและผู้ช่วยที่พากันเข้าไปในจีนเพราะเห็นโอกาสที่จะวางรากฐานคริสต์ศาสนาในประเทศนี้ ทำได้จะได้ผู้นับถือมากมาย โดยทำแบบเดียวกับที่ทำกับไทยหรือสยามในขณะนั้น
คือตอนนั้นมีหมอสอนศาสนาชาวอเมริกันเข้ามาเปิดโบสถ์เปิดโรงเรียนทั่วสยาม ไม่ว่าจะเป็นภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งทุกวันนี้สถานที่เหล่านี้ยังปรากฏ
(https://www.sanook.com/campus/1396137/)
แต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ด้านศาสนาและการศึกษาเท่านั้นที่เป็นหัวใจความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังมีด้านแรงงาน สาเหตุเกิดจากความจำเป็นที่สหรัฐฯจะต้องมีแรงงานกุลีไว้สำหรับสร้างทางรถไฟเชื่อมภาคตะวันออกกับตะวันตก
หรือเชื่อมมหานครนิวยอร์คกับมหานครซานฟรานซิสโก โดยมีมหานครชิคาโก้ที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศเป็นชุมทางแวะพัก ตอนนั้นโลกยังไม่มีเครื่องจักร ยังไม่มีเครื่องทุ่นแรง การทำงานใหญ่ทุกประเภทไม่เฉพาะการก่อสร้างต้องใช้แรงคน
(https://curioushistorian.com/the-transcontinental-railroad-chinese-immigrant-railroad-workers)
และสำหรับแรงคนก่อสร้างตอนนั้นยังเป็นประเภทประคองปุ้งกี๋และจับพลั่่ว ซึ่งแรงงานพวกนี้หาไม่ได้ในหมู่คนผิวขาว มีเฉพาะคนผิวดำและผิวเหลืองเท่านั้น สหรัฐฯมีคนผิวดำมาก แต่เอาไปสร้างทางรถไฟไม่ได้ เพราะล้วนเป็นทาสมีเจ้าของ ๆ ที่ทำเกษตรแปลงใหญ่ปลูกฝ้ายเพื่อส่งขายยุโรป
(https://www.nps.gov/features/waso/cw150th/reflections/eve-of-war/)
เมื่อจำเป็นต้องใช้แรงงานกุลีเพื่อสร้างทางรถไฟ จึงมีการเคลื่อนย้ายคนครั้งมโหฬารจากจีนไปสหรัฐฯ ไปไม่น้อยและเมื่อไปแล้วปักหลักไม่กลับ และคนพวกนี้เองต่อมาจำนวนมากได้กลายเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี
เพราะอย่าลืมสหรัฐฯเป็นดินแดนแห่งโอกาส ใครแสวงหาโอกาส มีความรู้ มีความพยายาม และขยัน รับรองไปโลด
แต่ไม่ใช่การสร้างทางรถไฟข้ามทวีปเท่านั้นที่ทำให้สหรัฐฯกับจีนใกล้ชิด ยังมีการปลูกสัปปะรดบนเกาะฮาวาย ซึ่งสมัยนั้นยังมีเจ้าปกครอง และบรรดาหมอสอนศาสนาได้เข้าไปเพื่อสร้างคนฮาวายให้มีศาสนา ฮาวายเป็นเกาะสวยงามมองไปทางไหนก็สวย แต่คนยังยากจนแร้นแค้น
ทำอย่างไรเกาะที่สวยงามแห่งนี้ถึงจะเจริญ หมอสอนศาสนาคิด คำตอบคือ ฮาวายต้องมีอะไรสักอย่างที่เป็นพืชเศรษฐกิจ สำหรับให้ชาวบ้านปลูกหารายได้ แล้วควรเป็นพืชอะไรหมอสอนศาสนาคิดต่อ ซึ่งในที่สุดลงเอย่ที่สัปปะรด เพราะเป็นผลไม้ขึ้นโต๊ะอาหารค่ำและงานเลี้ยง
มีราคาแพงเพราะต้องใช้พื้นที่พิเศษปลูก อีกทั้งยังต้องมีการดูแลใกล้ตั้งแต่ปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว แรงงานจีนเหมาะเหลือเกินที่จะทำงานปลูกสัปปะรด ดังนั้นจึงมีการเปิดไร่สัปปะรดและว่าจ้างคนงานจากจีนให้มาเป็นแรงงานมากมาย
(https://www.cookscountry.com/articles/1100-a-hawaiian-history-of-sweet-breads)
ทุกวันนี้คนเชื้อสายจีนในมลรัฐฮาวายมีราว 55,000 คน หรือร้อยละ 4 ของจำนวนประชากรราว 1.4 ล้านคน เทียบกับคนเชื้อสายฟิลิปปินส์ราว 185,000 คน หรือร้อยละ 13.6 คนเชื้อสายญี่ปุ่นราว 55,000 คน หรือร้อยละ 4 คนเชื้อสายเกาหลี 24,000 คน หรือร้อยละ 1.8
และเมื่อเทียบกับคนเชื้อสายพื้นเมืองอีกราว 80,000 คน หรือร้อยละ 5.9 คนฮาวายแท้ ๆ เหลืออยู่เท่านี้ เพราะมีการนำเข้าแรงงานมากมายจากประเทศเอซียเข้ามาพัฒนาเกาะ ทั้งนี้คนเชื้อสายอื่นเมือเทียบกับคนเชื้อสายจีนคงเทียบกันไม่ได้
เพราะคนเชื้อสายจีนล้วนมีฐานะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีจากการเป็นนักค้าและนักธุรกิจ เป็นเช่นนี้ทั่วสหรัฐฯไม่่เฉพาะฮาวาย ซึ่งการทำการค้าและธุรกิจจำเป็นต้องมีที่ทำการ ดังนั้นทั่วบริเวณที่จึงมีคนเชื้อสายจีนในสหรัฐฯเปิดที่ทำการ ๆ แบบห้องแถวชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย
(https://www.travelagewest.com/Travel/Hawaii/A-Visitor-s-Guide-to-Honolulu-s-Chinatown-Neighborhood) Credit: 2019 HTA/Tor Johnson
จนเกิดพื้นที่ ๆ เรียกว่า chinatown แปลว่า เมืองจีน แต่ความจริงเป็นย่านคนอเมริกันเชื้อสายจีนที่มีทุกขนาด ตั้งแต่ถนนสายเดียวไปจนถึงเขตปกครอง มีทั่วเมืองสำคัญในสหรัฐฯไม่ว่าเล็กใหญ่ และทุกวันมีคนไปเดินไปชม
จำนวนถ้านับเฉพาะที่ใหญ่มีทั้งหมด 30 แห่ง และทุกแห่งในขณะนี้กำลังประสบปัญหาคนเชื้อสายจีนอพยพกลับบ้านเกิด เป็นเช่นนี้หลังจีนเริ่มเป็นประเทศทันสมัยเกือบ 50 ปีที่แล้ว ไชน่าทาวน์ในสหรัฐฯปัจจุบันเป็นอย่างไรแล้วจะพาไปชมสัปดาห์หน้า
รับรองสนุกและน่าไปเที่ยว
…