เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ ..สหรัฐฯมีนักคณาธิปไตยครบโหล
ขอพักเรื่องสิงคโปร์อีกหนึ่งสัปดาห์ พักเพื่อรายงานปรากฏการณ์ใหญ่และสำคัญที่ได้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏการณ์คือ การกำเนิดของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เรียกว่า Oligarchic Dozen นักคณาธิปไตยครบโหล
หรือ Oligarchic Twelve สิบสองนักคณาธิปไตย แล้วยังมีการเรียกพวกนี้ว่า America’s Top 12 Plutocrats สิบสองยอดนักธนาธิปไตยในอเมริกา คำว่า oligarchic มาจากคำว่า oligarchy คณาธิปไตย
หรือระบอบการปกครองแบบกลุ่มบุคคลเป็นใหญ่ ซึ่งเคยถูกใช้ในบางประเทศสมัยโบราณกาล ต่อ ๆ มาคำนี้เริ่มมีความหมายในทางไม่ดีจนทุกวันนี้ เพราะระบอบประธาธิปไตยได้เข้ามามีอิทธิพล และระบอบนี้ไม่เอาด้วยกับการให้คนๆ เดียว
หรือให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถือครองอำนาจปกครอง คำว่า Oligarchic Dozen กับ Oligarchic Twelve ดังอย่างระเบิดเมื่อสถาบัน Institute for Policy Studies (IPS) หรือสถาบันนโยบายศึกษาแห่งสหรัฐฯ
ได้ประกาศวันศุกร์ที่แล้ว ขณะนี้ประเทศได้มีกลุ่มคนที่ติดอันดับรวยที่สุด 12 คน หรือ top-twelve richest men ถือครองทรัพย์สินมูลค่าเกินหลัก 1 ล้านล้านเหรียญ หรือ 32 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
(https://twitter.com/slangwise/status/1295737982893174785/photo/1)
สาเหตุมาจากการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และโลหะมีค่า หลังทั่วโลกได้มีการคลายการปิดประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว ครั้นพอทะยอยเปิด ทรัพย์สินของมหาเศรษฐีระดับสุดยอดเหล่านี้ได้เพิ่มมูลค่าจาก 698,985 ล้านเหรียญ หรือ 2.23 ล้านล้านบาท
เป็น 1.015 ล้านล้านเหรียญ หรือ 32.4 ล้านล้านบาท สาเหตุเกิดจากการตื่นตัวของตลาดเพื่อรับการยุติของวิกฤติโควิด19 และการจะมีวัคซีนป้องกันอีกไม่นาน
คนอเมริกันรวยที่สุด 12 คนมีใครบ้างมาดูกัน คนแรกเป็นใคร ๆ ที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจโลกคงเดาไม่ยาก Bill Gates ไง เกตส์ที่ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันระบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนสมัยใหม่
รายงานของสถาบัน IPS ระบุว่า เมื่อพ้นวันที่ 13 สิงหาคมมูลค่าทรัพย์สินของเกตส์ได้พุ่งเกินหลัก 100 พันล้านเหรียญ หรือ 3.1 ล้านล้านบาท จนเขยิบเข้าใกล้หลัก 120 พันล้านเหรียญ หรือ 3.7 ล้านล้านบาท
ทำให้เขาได้เป็นมหาเศรษฐีรวยที่สุดต่อจาก Jeff Bezos เจฟฟ์ เบโซส ชื่อนี้เช่นกันคงเดาไม่ยากเพราะติดอันดับคนรวยที่รวยที่สุดในสหรัฐฯตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว เจฟฟ์เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารใหญ่สุดของอาณาจักร Amazon อะเมซอน ขายสินค้าออนไลน์
ซึ่งล่าสุดมูลค่าทรัพย์สินของเขาได้ขยับเช่นกันจากเฉียด ๆ 120 พันล้านเหรียญ หรือ 3.84 ล้านล้านบาท เป็นใกล้ 200 พันล้านเหรียญ หรือ 6.4 ล้านล้านบาท โอ้โฮ ๆ คนพากันตะลึง แต่ยัง ๆ ไม่น่าตะลึงเท่ากับการนำมูลค่าทรัพย์สินคนรวยที่สุดทั้ง 12 คนมารวมกัน
ทำไมถึงต้องทำ ที่ต้องทำเพราะนานพอควรแล้วที่สหรัฐฯเกิดกระแสไม่พอใจในความเหลื่อมล้ำทางฐานะเศรษฐกิจของคนอเมริกัน เหลื่อมล้ำระหว่างคนมีคนไม่มี ซึ่งไม่น่าจะเกิดในประเทศที่บูชาความเสมอภาคเป็นทิศทางการปกครอง บูชาพอ ๆ กับเสรีภาพและภราดรภาพ
แล้วพอเกิดกระแส การตั้งชื่อเรียกคนกลุ่มนี้จึงเกิดขึ้น ทำไมต้องรวมให้ได้ 12 คน รวมเช่นนี้เพื่อจะได้กลุ่มคนที่เรียกว่า Oligarchic Dozen หรือกลุ่มนักคณาธิปไตยครบโหล แปลทางการเป็นแบบนี้
แต่ความจริงคำนี้น่าจะแปลว่า ผู้มีอิทธิพลขั้นเทพครบโหล เพราะคนพวกนี้มีทุกอย่างทั้งเงิน อำนาจ และบารมี อยากได้อะไรเป็นต้องได้
น่ากลัวทีเดียวกลุ่มคนมีอิทธิพลขั้นเทพครบโหล เพราะถ้ารวมกลุ่มกันได้และจับมือกันพิทักษ์และเพิ่มพูนผลประโยชน์ โลกจะไม่ใช่โลกที่เราอยู่ในปัจจุบัน แต่จะเปลี่ยนไปตามความต้องการของกลุ่ม ซึ่งจะเป็นอะไรยังไม่มีใครคาดการณ์ได้
ที่ทำได้มีเพียงการประเมินตามความเก่งและขนาดอิทธิพลของแต่ละคน มีใครบ้างมาดูกัน รับรองดูครบจะเห็นอนาคตโลก คนแรกคือ เบโซสที่กล่าวแล้ว คนต่อมาเกตส์ที่กล่าวแล้วเช่นกัน ตามด้วยอันดับ 3 Mark Zuckerberg คนนี้มีมูลค่าทรัพย์สิน 95 พันล้านเหรียญ
หรือ 3.04 ล้านล้านบาท ชื่อนี้ก็รู้จักกันดีเพราะเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และยังเป็นประธานและผู้บริหารสูงสุด Facebook เฟซบุ๊ก ไหน ๆ ใครบ้างที่ไม่รู้จักเฟซบุุ๊ก คงไม่มี ตามด้วย Warren Buffett โอ้โฮ หล่นมาอยู่อันดับ 4 ได้ยังไง
ทั้ง ๆ ที่เคยรวยที่สุดในโลกหลายทศวรรษ แต่ขณะนี้มูลค่าทรัพย์สินลดเหลือ 80 พันล้านเหรียญ
หรือ 2.56 ล้านล้านบาท อันดับ 5 Elon Musk ทรัพย์สินมูลค่า 73 พันล้านเหรียญ หรือ 2.33 ล้านบาทบาท เขาเป็นเจ้าของผลงานบัตรชำระเงิน Paypal เพย์แพล
(https://blockworksgroup.io/blog/how-elon-musks-spacex-makes-money)
ตามด้วยรถไร้คนขับ Tesla เทสลา และโครงการ SpaceX ที่กำลังจะส่งนักท่องเที่ยวไปสัมผัสอวกาศ อันดับ 6 Steve Ballmer อดีตมือขวาบิล เกตส์จากการเป็นผู้บริหารใหญ่ไมโครซอฟท์สมัยต้น แต่ปัจจุบันเป็นนักลงทุนและเจ้าของทีมบาสเก็ตบอลอาชีพ
บัลเมอร์มีทรัพย์สินมูลค่า 71 พันล้านเหรียญ หรือ 2.27 ล้านล้านบาท อันดับ 7 Larry Ellison แลร์รี แอลลิสัน ผู้ก่อตั้งรวมทั้งเป็นประธานและหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี Oracle Corporation ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น
บรรษัทบุกเบิกและพัฒนาการใช้ระบบฐานข้อมูลในทุกด้าน มูลค่าทรัพย์สินหลักเดียวกับคนก่อนหน้า ยกเว้นตัวเลขหลังที่น้อยกว่า อันดับ 8 Larry Page มูลค่าทรัพย์สิน 67 พันล้านเหรียญ หรือ 2.14 ล้านล้านบาท
คนนี้ดังจากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและพัฒนาเวบไซต์กูเกิล พัฒนาจนทุกคนในโลกต่างใช้ คนสำคัญคนนี้กำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานกูเกิลเมษายนปีหน้า เขารวยกว่า Sergey Brin คู่หูก่อตั้งกูเกิล ที่ติดอันดับ 9 และมีทรัพย์สินมูลค่า 66 พันล้านเหรียญ
หรือ 2.12 ล้านล้านบาท บรินยังไม่มีวี่แววจะอำลาตำแหน่งทั้งประธานฝ่ายเทคโนโลยีกูเกิล และผู้อำนวยการบริษัท X เอ็กซ์ บริษัทในเครือกูเกิล ซึ่งชื่อเดิมก็คือ GoogleX และถูกก่อตั้งเพื่อพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
(https://www.flickr.com/photos/jurvetson/8456182883)
อันดับ 10 Alice Walton อลิซ วอลตัน สตรีคนเดียวในกลุ่มนักคณาธิปไตยครบโหล ใครเคยไปซื้อของห้าง Walmart วอลมาร์ต ต้องเคยได้ยินชื่อนี้ เพราะเธอเป็นลูกสาว Sam Walton แซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งห้าง เธอไม่เคยบริหารกิจการของพ่อ
ทำเพียงเป็นพนักงานบริษัทอื่น และผู้ร่วมบริหารองค์กรรัฐ ก่อนออกมาทำเกษตรกรรม แล้วขายไร่นาไปเมื่อ 5 ปีก่อน เพื่อหันมาจับงานพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะอเมริกันที่เธอเปิดเมื่อปี 2011 พ่ออลิซยกย่องลูกสาวว่า รอบรู้เหมือนพ่อ แต่ปรับตัวเองได้รวดเร็วกว่า
อลิซมีทรัพย์สินมูลค่า 62 พันล้านเหรียญ หรือ 1.98 ล้านล้านบาท อันดับ 11 Jim Walton คนนี้คงเดาได้เป็นน้องชายคนก่อนหน้า แถมยังมีทรัพย์สินมูลค่าเท่ากับพี่สาว และสุดท้ายคนรวยที่สุดอันดับ 12 อย่าตกใจ Rob Walton ลูกคนโตของผู้ก่อตั้งวอลมาร์ต
เป็นวอลตันอีกคนที่ติดอันดับ นี่ถ้าลูกชายคนที่สอง John Walton ไม่เสียชีวิตเมื่อ 15 ปีก่อน เราคงได้เห็นคนตระกูลนี้ติดอันดับอีกคน
ปรากฏการณ์คณะนักคณาธิปไตยครบโหลกำลังเป็นปรากฏการ์ณระดับ milestone หรือหลักไมล์ชี้อนาคตภายภาคหน้า การชี้ในขณะนี้ก็คือ สหรัฐฯยังจะครองความยิ่งใหญ่ในโลกไปอีกนาน ยากที่ใครจะขยับขึ้นมาทาบ
อีกทั้งยังมีลู่ทางอีกมากที่จะพัฒนาตัวเองให้รุ่งเรืองมากขึ้น ทั้งนี้ถ้าดูความประพฤติและพฤติกรรมของนักคณาธิปไตยทั้ง 12 คน ไว้ใจได้ทุกคนไม่ใช่บุคคลอันตรายหรือจะทำอันตรายให้กับโลก ดังนั้นคงไม่มีวันที่ทุกคนหรือบางคนจะจับมือกัน
เพื่อเปลี่ยนโลก และเปลี่ยนให้เป็นไปตามความต้องการ เงินซะอย่าง อำนาจก็มี บารมีก็สูง ใครจะทัดทานได้