เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ .. “นายกฯญี่ปุ่นคนใหม่”
ยังไม่เผยเคล็ดความสำเร็จของลี กวนยูในการสร้างสรรค์สิงคโปร์ให้เป็นประเทศเจริญรุดหน้า เพราะบังเอิญญีปุ่นมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุการณ์ที่นับว่าสำคัญในขณะที่โลกกำลังมีการเผชิญหน้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีประเทศชิดขอบทวีปเอเซียแห่งนี้เป็นมหามิตรของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก
(https://mainichi.jp/english/articles/20181226/p2a/00m/0na/004000c)
แต่ที่ถูกจับตาไม่แพ้กัน หรือบางทีอาจมากกว่าก็คือ การเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกส์ปี 2020 ซึ่งถูกเลื่อนไปปีหน้า หลังโลกต้องเผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การจับตาก็คือ ญี่ปุ่นจะจัดการแข่งหรือไม่ถ้าการระบาดยังแพร่
(https://medium.com/@shotarohondamoore/eight-story-lines-of-the-tokyo-2020-summer-games-9b02580407b0)
และถ้าจัดจะมีกลเม็ดอย่างไรที่จะทำให้นักกีฬาและผู้ชมปลอดโรค คือญี่ปุ่นต้องมีกลเม็ดในฐานะประเทศเชี่ยวชาญวิทยาการสมัยใหม่ เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าภาพรายนี้จะจัดการแข่งแบบไม่มีคนชมในสนามแข่ง
คนชมจะกระจายไปเชียร์ตามสนามแข่งในประเทศของตน รวมทั้งในชุมชนที่มีทีมหรือนักกีฬาลงแข่ง แล้วถ่ายทอดสดการเชียร์ให้ไปปรากฏบนจอยักษ์ในสนาม เพื่อสร้างบรรยากาศการเชียร์เสมือนจริง
คือการเชียร์จริงทุกอย่างเพียงแต่ไม่ได้เกิดในสนามแข่ง หรือถ้าเกิดก็เพียงน้อยนิดเพราะมีการจำกัดผู้ชม ทำการเชียร์ให้ได้บรรยากาศเสมือนจริง แล้วภาพจากทุกแห่งจะถูกถ่ายทอดไปยังเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ทั่วโลก
ญี่ปุ่นต้องทำการแข่งโอลิมปิกให้เป็นจริง เพราะมีส่วนในการสร้างสรรค์ความเจริญให้ประเทศ คือใช้การเตรียมการแข่งในการผลักดันประเทศ ตัวอย่างคือ การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งแรกเมื่อปี 1964 หรือ 56 ปีก่อน ซึ่งครั้งนั้นเกิดหลังญี่ปุ่นเพิ่งพ้นจากความบอบช่้้าสาหัส 19 ปีก่อนหน้า เมื่อแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
มีการฟื้นฟูหลังจากนั้น โดยตั้งเป้าจะต้องเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกให้ได้เพื่อประกาศความสำเร็จ และญี่ปุ่นก็ทำได้สำเร็จ ส่วนการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้แรงกระตุ้นก็คล้ายกันเพียงแต่ไม่สาหัส
แรงกระตุ้นคือ การตกอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจยาวนานตั้งแต่ปีวิกฤติต้มยำกุ้ง 23 ปีก่อน เพิ่งค่อย ๆ ฟื้นตัวเมื่อไม่กี่ปี
โดยการฟื้นตัวครั้งนี้ยังมีการตั้งเป้าญี่ปุ่นจะต้องเป็นประเทศยืนแถวหน้าในโลกสมัยที่จะมาถึง และยังใช้การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งกีฬาโอลิมปิกเป็นแรงกระตุ้น เพราะการเลื่อนจัดโอลิมปิก 2020 ไปปีหน้าสำคัญขนาดนี้
ดังนั้นคนที่จะเป็นประมุขทางการเมืองญี่ปุ่นระยะตั้งแต่นี้จึงถูกจับตา การหาตัวมีความลำบากเนื่องจากชินโสะ อาเบะ นายกฯคนก่อนหน้า เป็นบุคคลที่นับได้ว่า มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการบริหารการเป็นเจ้าภาพมากที่สุด
เขาลาออกด้วยเหตุผลสุขภาพ และถึงแม้ Yoshihide Suga โยชิฮิเดะ ซูงะ คนที่เข้ารับตำแหน่งแทนจะเป็นมือขวาของเขาในช่วงที่เป็นนายกฯ ดังนั้นจึงน่าจะรู้เรื่องการเป็นเจ้าภาพไม่แพ้อาเบะ
แต่เอาเข้าจริงสถานการณ์โลกในขณะนี้และปีหน้าดูไม่ค่อยเป็นใจ มีการเป็นห่วงถึงขนาดประเทศที่เป็นอริอาจสร้างสถานการณ์เพื่อไม่ให้มีการจัดโอลิมปิก อยากรู้หรือไม่สถานการณ์ที่พูดถึงมีอะไรบ้าง
มีการพูดถึงจีนอาจสร้างสถานการณ์ด้วยการหยิบยกการขุดคอคอดกระให้เป็นประเด็นขัดแย้งในโลก ขัดแย้งเพราะไม่ไว้ใจจีนในการทำโครงการ จริงอยู่จีนยังไม่มีการเคลื่อนไหวในเชิงนี้ แต่โอกาสที่จะเคลื่อนไหวมีความเป็นไปได้
โดยพ่่่วงคลองกระเข้ากับเส้่นทางสายไหมใหม่ และถ้าจีนทำเช่นนี้ญี่ปุ่นคงต้องแทรกแซง เพราะเส้นทางเดินเรือผ่านคลองกระมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ป่น
โดยเฉพาะการลำเลียงน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง
เห็นหรือยังความสำคัญของญี่ปุ่นในสถานการณ์โลก เอเซีย และไทย มาทำความรู้จักนายกฯญุี่ปุ่นคนใหม่กัน ซึ่งเวลาแนะนำประเด็นแรกที่มักถูกหยิบยกก็คือ เขาเป็นลูกชาวไร่สตอเบอร์รี่ เกิดและโตในชนบท
แต่ย้ายไปกรุงโตเกียวหลังเรียนจบมัธยม ไปที่นั่นเพื่อเตรียมเข้าเรียน Hosei University มหาวิทยาลัยโฮเซ มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำค่าเล่าเรียนแพง
(https://www.stofficetokyo.ch/education-research/universities/university/hosei-university-0)
การเตรียมก็คือ การทำงานในโรงงานกล่องกระดาษ กับขับรถขนปลาในตลาดปลา Tsukiji ซูคิจิ ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก (
https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/operation-tsukiji-tokyo-battles-rats-as-iconic-market-shuts )
ซูงะทำงานจนมีเงินเรียนมหาวิทยาลัย แต่ถึงกระนั้นเขายังทำงานครึ่งเวลาเพื่อหารายได้เสริม เขาเรียนมหาวิทยาลัยจนจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ปี 1973 หรือ 2516
จากนั้นกระโดดเข้าวงการเมืองด้วยการเลือกทำงานระดับล่างสุด นั่นคือ การเป็นคนสนิทและเลขานุการนักการเมือง ทำนาน 13 ปีก่อนจะกระโดดลงเล่นการเมืองด้วยตัวเอง
เห็นประวัติซูงะก่อนลงเล่นการเมืองแล้ว ทุกคนคงชื่นชมการเตรียมตัวของเขา เพื่อให้ตัวเองได้เป็นนักการเมืองที่ดีและประสบชัยชนะ แต่ที่ต้องชื่นชมมากกว่านั้นคือ เขาเป็นลูกคนธรรมดา โตตามครรลองธรรมดา แต่สามารถไต่เต้าถึงระดับไม่ธรรมดา
ซึ่งแตกต่างจากนักการเมืองญี่ปุ่นคนสำคัญแทบทุกคน ที่ถูกยกเป็นตัวอย่างก็คือ ชินโสะ อาเบะนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะเกิดในครอบครัวที่มีความโดดเด่นทางการเมืองมาช้านาน บิดาเขายังเคยเล่นการเมืองจนได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
แต่ที่มากกว่านั้นคือ อาเบะมีญาติผู้ใหญ่หลายคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะซูกะเป็นคนธรรมดาเท้าติดดินนี่เอง ดังนั้นเขาจึงเล่นการเมืองแบบยืนบนพื้นฐานความจริง ไม่กลัวอิทธิพลนอกกรอบ ๆ ที่มีมากในทุกวงการประเทศนี้ จนใครที่อยากก้าวหน้าต้องรู้จักรับมือ
เขามีกิตติศัพท์เป็นคนขยันเดิน ๆ ขนาดเคยมีคนซื้อรองเท้าให้เป็นของวันเกิด เดินเพื่อหาเสียง เพื่อหาผู้สนับสนุน และเพื่อตอกย้ำความเป็นคนบ้าน ๆ ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลระดับโลกคนนี้ เพราะมีหลายเรื่องสำคัญรออยู่เบื้องหน้า
(https://hotcelebgossip.info/yoshihide-suga-set-to-become-japans-next-prime-minister/)
ซึ่งที่กำลังเข้ามาใกล้ที่สุดก็คือ การเข้าพบโดนัลด์ ทรัมป์ หากฝ่ายหลังชนะการเลือกตั้งและกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีก ทั้งนี้อาเบะสามารถกระชับความสัมพันธ์เป็นอย่างดีหลังการเข้าพบ
แต่ซูงะจะทำแบบเดียวกันได้หรือไม่ยังมีคำถาม เพราะทรัมป์มีเรื่องขอญี่ปุ่นหลายเรื่อง หนักที่สุดคือ ขอให้ญี่ปุ่นจ่ายเงินปีละ 8,000 ล้านเหรียญ หรือราว 260,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าดูแลฐานทัพสหรัฐฯในญี่ปุ่น
เพิ่มจากปัจจุบันที่ญี่ปุ่นจ่ายปีละ 2,500 ล้านเหรียญ หรือ 80,000 ล้านบาท ก็ต้องดูกันเพราะถ้าทรัมป์กลับมาอีก เขาคงเล่นบทหนักกว่าที่เคย ทั้งยังต้องติดตามสถานการณ์ระหว่างสองเกาหลี ระวัง ๆ อาจระเบิดแบบฉับพลัน
รวมทั้งขอให้ติดตามกระแสขุดคลองกระ ยังไม่ชัดแจ้งกระแสถูกจุดจากไหน มีประเทศไหนบ้างที่อยากให้ขุด และไทยคงเตรียมตัวรับเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้ประเทศที่รู้เรื่องคลองกระมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น
เรียกได้ว่า ความรู้เกี่ยวกับคลองกระของญี่ปุ่นมีขนาดพอถมคลอง
ขอบคุณภาพแรกจาก-https://asia.nikkei.com/