‘พาณิชย์’ จัดงานสร้างเครือข่ายสินค้าไทย แนะใช้ FTA รุกขยายส่งออกตลาดโลก
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดงาน FTA Fair “สร้างเครือข่ายสินค้าไทย ขยายการส่งออกด้วยเอฟทีเอ” 7 วันรวด ระหว่างวันที่ 30 ต.ค. – 5 พ.ย. 2563 ณ ลาน Work & Play ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 กรุงเทพฯ ยกทัพเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ขนสินค้าพรีเมี่ยมพร้อมส่งออกให้ชม ชิม ช้อป ถึง 40 บูธ เปิดเวทีเจรจาสร้างเครือข่ายธุรกิจ พร้อมคลินิกให้คำปรึกษาการใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกตลาดต่างประเทศ
นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล) เป็นประธานเปิดงาน FTA Fair “สร้างเครือข่ายสินค้าไทย ขยายการส่งออกด้วยเอฟทีเอ” เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 กรุงเทพฯ ว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมถึงการใช้ประโยชน์และช่องทางจาก FTA ซึ่งปัจจุบันประเทศคู่ค้าของไทย เช่น อาเซียน และจีน เป็นต้น ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรให้กับสินค้าจากไทยแล้ว เพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการค้าและขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ
นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ภายในงานมีการสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA การเจรจาสร้างเครือข่ายและจับคู่ธุรกิจ รวมถึงการเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเรื่อง FTA และการออกบูธจำหน่ายสินค้าคุณภาพของเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการจากจังหวัดต่างๆ รวม 40 ราย โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน เช่น ชาฉุยฟงจากเชียงราย กล้วยอบเนยพิมพรจากสุโขทัย กาแฟฮิลล์คอฟฟ์จากเชียงใหม่ ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านข่อยสูงจากอุตรดิตถ์ ผ้าฝ้ายทอลายน้ำไหลบ้านหล่ายทุ่งจากน่าน และกระเป๋ากระจูดวรรณีจากพัทลุง เป็นต้น
“การจัดงานครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้สนใจมาเข้าเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้ากันอย่างคับคั่ง ซึ่งเป็นโอกาสดีที่เกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ได้มาประชาสัมพันธ์ศักยภาพสินค้าไทยที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่น ที่มีการวิจัยพัฒนานวัตกรรม ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ พร้อมใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอรุกตลาดต่างประเทศ” นายทรงศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถมาเลือกชม ชิม ช้อป สินค้าที่ร่วมออกบูธ และเข้าร่วมการเสวนาหัวข้อ “โอกาสสินค้าชาและกาแฟส่งออกด้วยเอฟทีเอ” “เทคนิคการใช้ GI เพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก” “ขายอย่างไรให้สินค้าเข้าตลาดจีน” “การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีเพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการค้า” และ “ประโยชน์จากการใช้ความตกลงการค้าเสรีของโครงการสร้างเครือข่ายสินค้าไทย ขยายการส่งออกด้วยเอฟทีเอ” ระหว่างวันที่ 1 – 5 พ.ย. 63 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การแสดงแฟชั่นผ้าไทยและกระเป๋า สาธิตการชงชาและกาแฟ การเพ้นท์สีกระเป๋า การทำ Aroma Mist กิจกรรมนาทีทองลดราคา และการร่วมสนุกตอบคำถามพร้อมรับของรางวัลมากมาย
อนึ่งสำหรับมูลค่าการค้าเอฟทีเอของไทยนั้นในปี 2562 เอฟทีเอที่ไทยมีทั้ง 13 ฉบับ ทำให้การค้าของไทยกับ 18 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง เติบโตและมีมูลค่ารวมกันถึง 303,362 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2 ใน 3 (ร้อยละ 63) ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก