กรมเจ้าท่ารุกพัฒนายกระดับท่าเรือเพื่อท่องเที่ยววิถีใหม่ฝั่งอันดามัน รองรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 ฟื้นเศรษฐกิจไทย
“กรมเจ้าท่า” ที่มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลและพัฒนาการขนส่งทางน้ำของประเทศ โดยส่วนหนึ่งนั้นเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำของประเทศเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้เฉลี่ยร้อยละ 20 ของ GDP ประเทศ เดินหน้าลุยงานรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รวมถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เร่งรีบเดินหน้าแผนงานพัฒนาปรับปรุง ยกระดับท่าเรือรองรับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ หรือ New Normal ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งฝั่งทะเลอันดามัน ฝั่งทะเลอ่าวไทย รวมถึงท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและคูคลอง ส่วนท่าเรือปากเมง จ.ตรัง ฝั่งอันดามันคาดเดือนเมษายน 64 พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวได้สะดวกและปลอดภัย ขณะภาคอุตสาหกรรมหนุน ท่องเที่ยวทางน้ำหรือทางทะเลเป็นไฮไลท์ของไทย มั่นใจฟื้นตัว 100% หลังเปิดประเทศ
ธันวาคม 2563 ณ โรงแรม อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท “กรมเจ้าท่า”ได้จัดแถลงข่าว “การยกระดับท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยววิถีใหม่ฝั่งอันดามัน” เพื่อเปิดเผยและเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแผนการพัฒนาท่าเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงาน เมื่อวันพุธที่ 16 โดยมี “นายสมชาย สุมนัสขจรกุล” รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นประธานในพิธี “นายวรรณชัย บุตรทองดี” ผู้อำนวยการกองวิศวกรรม กรมเจ้าท่า กล่าวรายงาน พร้อมด้วย” นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์”ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ”นางปทิตตา ตันติเวชกุล” ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เข้าร่วมเสวนา
นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านล้านบาท(ปี 2562) โดยที่การท่องเที่ยวทางทะเลมีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ แต่ผลกระทบจากโรคโควิด-19ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวลดลง จึงต้องปรับวิธีใหม่ นอกจากสนับสนุนไทยเที่ยวไทย การสร้างท่าเรือก็มีความสำคัญ โดยกรมเจ้าท่าร่วมมือกับหลายหน่วยงานเพื่อฟื้นการท่องเที่ยวทางน้ำทางทะเล เป็นการเชื่อมยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเรือ
ด้านนายวรรณชัย บุตรทองดี ผู้อำนวยการกองวิศวกรรม กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กรมเจ้าท่า มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลและพัฒนาการขนส่งทางน้ำของประเทศ ส่วนหนึ่งคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการขนส่งทางน้ำของประเทศ เช่น การขุดลอกร่องน้ำ การสร้างท่าเทียบเรือ การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง ภารกิจดังกล่าวเป็นการสร้างความพร้อมสนับสนุนแนวทางยุทธศาสตร์ชาติที่สนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำของประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งทางน้ำให้กับประชาชนในทุกระดับในสังคม ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ตลอดจนการเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้พัฒนาท่าเรือภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาลเพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาด้านการค้า การขนส่งและการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้ท่าเรือมีมาตรฐาน มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัย โดยเฉพาะการพัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้มีความสะดวกปลอดภัย และยังสามารถเชื่อมโยงการเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดต่าง ๆ เป็นการย่นระยะทางในการเดินทาง ประหยัดเวลาในการเดินทางและสร้างเส้นทางท่องเที่ยวทางทะเลแบบองค์รวมสำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดต่าง ๆ ปัจจุบันกรมเจ้าท่ามีแผนการดำเนินงานในหลายพื้นที่และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น ท่าเรือฝั่งอันดามัน ท่าเรือปากเมง หาดปากเม็ง อ.สิเกา จ.ตรัง เป็นต้น
ดังนั้นเพื่อให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำสอดพ้องกับความต้องการและตรงตามกลุ่มเป้าหมาย สามารถเชื่อมโยงการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจและรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งยังต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดการท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal ที่มีการท่องเที่ยวแบบ Outdoor มากขึ้น กรมเจ้าท่าจึงวางแผนในเรื่องมาตรการป้องกันปลอดภัย ทั้งในเรื่องท่าเทียบเรือ ร่องน้ำทางเรือเดิน และคูคลองเมืองต่าง ๆ ที่จะดำเนินการในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 เพื่อให้มีความพร้อมดำเนินการเมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ
“การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทางน้ำ ยกตัวอย่างการใช้ท่าเรือริมฝั่งเจ้าพระยาจากวันละ 35,000 คนต่อวันเหลือเพียง 8,000-10,000 คนต่อวันเท่านั้น การพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยววิถีใหม่จะทำให้ท่าเรือ ไม่ใช่เป็นแค่ท่าเรือ แต่ให้เป็นแลนด์มาร์ค เป็นจุดที่คนมาเช็คอิน โดยท่าเรือจะต้องปลอดภัย ที่จะทำให้บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีการสอบใบประกาศด้วยในปีหน้าเพื่อความปลอดภัย มีการเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ เรือ รถ ราง และนำเทคโนโลยี มาใช้ เช่น นำระบบAI มาใช้ในการควบคุม เป็นต้น”
ทั้งนี้ตามแผนพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวทางน้ำ กรมเจ้าท่ามีแผนงานการพัฒนาท่าเรือเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ 1.การปรับปรุงท่าเรือตามแนวฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามากกว่า 10 แห่ง โดยมุ่งยกระดับท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เป็นสถานีเรือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ มีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างรถ ราง เรือ สร้างเครือข่ายคมนาคมแบบไร้รอยต่อ ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือราชวงศ์ ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือราชินี ท่าเรือบางโพ ท่าเรือท่าเตียน ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือพระปิ่นเกล้าและท่าเรือเกียกกายซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จนักท่องเที่ยวจะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ได้สะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้กรมเจ้าท่ายังริเริ่มให้บริการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมและสนับสนุนการให้บริการเดินเรือไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเริ่มทดลองให้บริการแล้วในเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายบริษัทพัฒนา
2.การพัฒนาและปรับปรุงท่าเรือโดยสารเพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางทะเลเป็นการกระจายนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง ทั้งชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน โดยทางฝั่งทะเลอ่าวไทย เช่น การปรับปรุงท่าเรือหน้าทอน อ.เกาะสมุย และท่าเรือท้องศาลา อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ส่วนด้านฝั่งทะเลอันดามัน มีการปรับปรุงท่าเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ตและท่าเรือปากคลองจิหลาด จ.กระบี่ การพัฒนาท่าเรืออ่าวปอ จ.ภูเก็ต, ท่าเรือเกาะพยาม จ.ระนอง ,ท่าเรือธารา จ.กระบี่,ท่าเรือสุระกุล จ.พังงาและท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่และในอนาคตยังมีแผนงานพัฒนาท่าเรือเกาะพีพี จ.กระบี่ให้รองรับนักท่องเที่ยวได้สะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับท่าเรือปากเมง จ.ตรัง ถือเป็นท่าเรือสำคัญของท้องทะเลอันดามันและเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไทยอีกแห่งที่ได้รับการปรับปรุงเนื่องจากใช้งานมานานถึง 30 ปี มีสภาพทรุดโทรม และแออัดเป็นอย่างมาก ขนาดท่าเรือไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้มาใช้บริการ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด หรือเทศกาลต่างๆ มีทั้งเรือขนาดใหญ่ เรือหางยาว และเรือสปีดโบ้ต เข้ามาใช้บริการถึงวันละไม่ต่ำกว่า 100 ลำ ทางกรมเจ้าท่าจึงร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดพัฒนาบรรณกิจดำเนินการพัฒนาปรับปรุงเป็นเวลา 630 วัน คาดว่าแล้วเสร็จราวช่วงเดือนเมษายน ปี2564
หลังแล้วเสร็จจะมีการใช้งานที่สมบูรณ์ครบถ้วน โดยมีพื้นที่ท่าเรือที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย พื้นที่ด้านหลังท่ามีพื้นที่การใช้สอยที่อำนวยความสะดวกสอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดตรังและยังเป็นท่าเรือที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันในอนาคต อาทิ เส้นทาง ปากเมง-เกาะหลีเป๊ะ ปากเมง-เกาะลันตา สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นและประเทศอย่างมหาศาล
3.นอกจากนี้กรมเจ้าท่ายังเล็งเห็นโอกาสให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือสำราญขนาดใหญ่ของภูมิภาค ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายสูง จึงมีแผนงานโครงการประกอบด้วย 3.1)การศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่(Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 3.2)การศึกษาสำรวจออกแบบท่าเรือต้นทาง (Home Port) สำหรับเรือสำราญขนาดใหญ่(Cruise Terminal)บริเวณอ่าวไทยตอนบนและ3.3)การศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่(Cruise Terminal)และสำรวจการออกแบบท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน
3โครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการศึกษาในปี 2563 โดยจะใช้เวลา 2 ปี เมื่อแล้วเสร็จและเห็นผลเป็นรูปธรรมจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ ช่วยเพิ่มการจดทะเบียนเรือท่องเที่ยวและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางผ่านด่านทางน้ำได้อีกด้วย
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวว่า การท่องเที่ยวทางน้ำเป็นสิ่งที่ดึงรายรับจากนักท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยว 6-8 ล้านคนต่อปี มีลงทะเลมากกว่า 80% และมองว่า ท่าเรือจะเป็นอีกมิติสำคัญของการท่องเที่ยวไทยและสนับสนุนให้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามันมีท่าเรือที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ โดยแนะว่า ก่อนเปิดประเทศให้เร่งรีบพัฒนาเพื่อให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวหลังการระบาดของโรคโควิด-19 มั่นใจ100% ว่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
นางปทิตตา ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวทางน้ำนั้น เรื่องของทัวร์ดินเนอร์บนเรือสำราญค่อนข้างหายไป เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวทัวร์คลองซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอนนี้ที่จะพึ่งพาได้คือ การท่องเที่ยวทางทะเล โดยจะเน้นที่นักท่องเที่ยวชาวไทย
นายวรรณชัยกล่าวในตอนท้ายว่า การจะทำให้การสร้างท่าเรือดำเนินไปตามวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวจริงๆ นั้น จำเป็นว่ากรมเจ้าท่าจะต้องดำเนินการบูรณาการกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆด้วย
“กรมเจ้าท่ามีภารกิจในด้านสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ในการที่จะมองเรื่องการท่องเที่ยวจริง ๆ ต้องประสานกับการท่องเที่ยว เพื่อกำหนดจุดหรือชี้ในเรื่องการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยว หรือทิศทางตรงไหนที่จะเหมาะสมสำหรับการพัฒนา กรมเจ้าท่าก็สามารถที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะให้สอดคล้องกันต่อไป ซึ่้งตรงนี้จะต้องบูรณาการกันหลายหน่วยงาน ที่จะมีการเชื่อมโยง เรื่องของระบบการโดยสาร การเดินทางต่าง ๆ ให้สามารถทำได้สะดวก รวมถึงเรื่องของระบบสาธารณูปโภคที่จะต้องลงในพื้นที่ด้วย สำคัญรวมกันหมดเลย”
https://drive.google.com/file/d/1vuh-5GBGTegMt6Tv7OghQM6yoszS3R79/view?usp=sharing