เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์.. บุญที่สหรัฐอเมริกาทำไว้กับโลก (2)
บุญทำได้ทุกเวลา เช่นเดียวกับบาป อย่างเวลานี้ที่จีนและสหรัฐอเมริกากำลังร่วมทำบุญยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดประชุมชั้นสูงครั้งแรกสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยจัดที่แองเคอร์เรจ เมืองหลวงมลรัฐอลาสก้า
เห็นชื่อใครคุ้นเคยอาวุธนิวเคลียร์ทราบดีว่า นี่เป็นที่ตั้ง Nike Site Summit ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นที่ตั้งฐานขีปนาวุธนิวเคลียร์ Nike Hercules ทำหน้าที่ปกป้องสหรัฐฯจากการถูกโจมตีด้วยอาวุููธดังกล่าว
(https://www.jber.jb.mil/Services-Resources/Environmental/Nike/NSS/)
แต่ปัจจุบันถูกปิด และเก็บรักษาในฐานะโบราณสถานสำคัญ การที่ทั้งสองฝ่ายเลือกจัดประชุมที่นี่จึงส่งความหมายใหญ่หลวง เอาละ ถึงท่าทีที่แสดงก่อนการประชุมจะไม่ให้ภาพที่ดี
แต่อย่างน้อยการพบกันสามารถผูกมัดเพื่อให้เป็นการพบที่ครอบคลุมเรื่องสำคัญที่ชาวโลกอยากเห็น นั่นคือ การทำข้อตกลงไม่ทำสงคราม ซึ่งถ้าทำหมายถึงโลกจะไม่มีสงครามระหว่างสองมหาอำนาจอย่างเด็ดขาด
ตัดรัสเซียออกไปได้ เพราะรัสเซียไม่อยู่ในสภาพที่จะทำอะไรกับใครอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องใด เหลือเพียงจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งถ้าทำสงครามย่อมหมายถึงความวิบัติที่จะเกิดกับโลก
(https://nationalinterest.in/nuclear-war-is-our-complacency-misplaced-c0943682015b)
การประชุมเริ่มวันที่ 18 มีนาคม หรือเมื่อวาน มีการคาดการณ์ต่าง ๆ นานา แต่ในที่สุดก่อนประชุมทั้งสองฝ่ายได้แสดงทัศนะต่างกันในการคาดหวังผลการประชุม
และเรื่องนี้คงต้องโทษสหรัฐฯที่ตั้งเงื่อนไขไม่ให้การประชุมเริ่มทันที เงื่อนไขคือ ก่อนอื่นจีนจะต้องเคลียร์ประเด็๋นความมั่นคงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ชัดแจ้ง
ให้ที่ประชุมเห็นทั้งสองเรื่องจะไม่กระทบสหรัฐฯและโลก ขณะที่จีนมีเงื่อนไขเดียว ต้องเป็นการประชุมที่มุ่งปรับรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมีระเบียบและความสงบให้กับโลก
(https://bahaiteachings.org/peaceful-world-look-like/)
เห็นเงื่อนไขสหรัฐฯหลายคนผิดหวังในตัวไบเดน ประธานาธิบดีคนนี้มีความสันทัดการเมืองโลกชนิดหาคนเทียบยาก แต่ก็พลาดไม่ได้สั่งให้สหรัฐฯเดินหน้า หรือไบเดนต้องการรักษาฐานเสียงอนุรักษ์นิยม
ชาวอเมริกันที่นิยมแนวการเมืองแนวนี้ ซึ่งเพิ่งแผลงฤทธิ์ร้าย แถมยังแสดงท่าทีจะไม่เลิก โดยในเวลาเดียวกันพวกนี้ที่หัวรุนแรงยังจุดกระแสการเมืองใหม่ ที่กำลังจะเป็นการทำบาป
ใช่แล้วในขณะที่คนอเมริกันระดับสูงกำลังทำบุญ เพื่อให้ประเทศตัวเองและจีนสร้างสันติภาพให้โลก แต่ระดับล่างกำลังทำบาป ๆ อะไรคงอยากรู้ และเมื่อรู้อย่าเพิ่งเกลียดคนอเมริกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนเป็นแบบเดียวกัน
บาปนั้นก็คือ เวลานี้ทั่วสหรัฐฯได้เกิดกระแส anti-Asian racism การเหยียดคนเอเซีย จนบานปลายร้ายถึงขั้นกำลังจะกลายเป็น anti-Asian violence การทำร้ายคนเอเซีย
มีการสรุปผลแล้วว่า จำนวนคนเอเซียที่ถูกทำร้ายกำลังเพิ่ม ๆ หลังมีการก่อคดีกราดยิงในร้านสปา 3 แห่งในมลรัฐจอร์เจียเมื่อวันพุธ จนมีผู้เสียชีวิต 8 คน โดย 6 คนเป็นผู้หญิงเอเซีย
จำนวนคนเอเซียที่ถูกฆ่าชวนให้เชื่อนี่เป็นการแสดงการเยียดคนเอเซีย โดยทำเพื่อจุดกระแสให้เติบโต หลังการเหยียดก่อตัวในช่วงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถมหลังพ้นตำแหน่งยังตอกย้ำ
ตอกย้ำเพื่อให้ประชาชนจดจำ เขาเป็นผู้รังสรรค์วัฒนธรรมเกลียดชังคตนจีน เพื่อสะกัดไม่ให้จีนเติบโต
ต้องเข้าใจคนอเมริกันมีนิสัยชอบแสดงการดูถูกเหยียดหยามคนที่มีสีผิวหรือแนวคิดต่างกับตน ทำมานานแล้ว มีการแสดงออกด้วยกิริยาท่าทางต่าง ๆ เพื่อให้รู้ชั้นกำลังเหยียดเธอ
โดยยังอาจทำถึงขั้นสาดน้ำใส่ในบาร์เหล้าหรือร้านอาหาร ไม่ชอบคนที่กำลังนั่งดื่มหรือรับประทานอาหาร ทันทีจะไปเทน้ำราดผ้าปูโต๊ะ และแล้วกระตุกให้น้ำกระเด็น
มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดทั่วสหรัฐฯ เริ่มจากกรณีคนผิวสี ซึ่งสมัยหนึ่งถูกเหยียดขนาดในมลรัฐภาคใต้ถูกบังคับให้นั่งท้ายรถโดยสาร ทั้งยังมีการแยกนักเรียนผิวขาวและผิวสีไม่ให้เรียนโรงเรียนเดียวกัน
จากนั้นมีการบานปลายไปยังกลุ่มผู้อพยพชาติพันธ์ต่าง ๆ เริ่มจากชาวไอริชที่อพยพหนีทุพิกภัยในไอร์แลนด์ มีการแสดงการดูถูกคนไอริช ถึงแม้จะมีผิวสีเดียวกัน และเนื่องจากชาวชาติพันธ์นี้นับถือนิกายโรมันแคธอลิก
(https://www.drweb.com/pravda/issue/?number=666&lng=en)
การดูถูกจึงยังครอบคลุมผู้ที่นับถือนิกายนี้ไม่ว่าจะไปจากทวีปใด ล่าสุดผู้อพยพที่ถูกดูถูกคือ ชาวอเมริกาใต้ และขณะนี้การดูถูกกำลังขยายตัวไปยังคนที่มีผิวสีเหลือง
อย่าเชียวไปเดินบนฟุตบาธโดยไม่ระวังตัว และอย่าเชียวไปเลือกซื้อของแพง ๆ ในห้างมีชื่อ ถ้าทำจะถูกเหยียดทันที ดีไม่ดียังถูกตะโกนไล่ เจ๊กออกไป เจ๊กออกไป ไม่ว่าใครถ้ามีลักษณะคล้ายคนเอเซียจะถูกเหมาเป็นคนจีน
(https://www.vox.com/22274325/asians-racism-coronavirus-oakland-san-francisco)
การประชุมที่อลาสก้ายังไม่จบ ขณะเขียนเรื่องนี้การประชุมที่อลาสก้าเพิ่งเริ่ม ฝ่ายจีนมีผู้เข้าประชุมประกอบด้วยนายหยาง จี้ฉี มนตรีแห่งชาติและนักการทูตสูงสุด กับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ
ส่วนฝ่ายสหรัฐฯมีนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่่างประเทศ แล้วสัปดาห์หน้าจะเขียนถึงผลการประชุม รวมทั้งบรรยากาศ
ซึ่งมีรายงานแล้วทั้งสองฝ่ายไม่ยอมร่วมรับประทานอาหาร ……