เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์.. บุญที่สหรัฐอเมริกาทำไว้กับโลก (3)
จบแล้ว ๆ การเจรจาจีนกับสหรัฐอเมริกาที่นครแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา จบแบบยับเยิน ทำลายทุกอย่างที่ชาวโลกหวังจะเป็นการร่วมทำบุญระหว่างประเทศทั้งสองบุญที่จะเป็นการยุติโอกาสเกิดสงครามโลก
(https://www.anchorage.net/listing/hotel-captain-cook/36010/)
(https://www.thejakartapost.com/news/2021/03/19/tough-talk-at-first-face-to-face-us-china-meeting-in-biden-era-.html)
สงครามที่จะรบกันระหว่างประเทศฝักไฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แผนจะทำบุญยุติเมื่อสหรัฐฯยอมรับหลักการจีนเดียวที่จีนยึดมั่น แต่ยังเห็นต่างกรณีไต้หวัน ซึ่งเป็นมหามิตร ไม่มีแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมยุติ ทั้ง ๆ ที่ปกติการประชุมสูงสุดแบบนี้จะต้องมี
การประชุมที่มีหยาง จี้ฉี สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์ กับหวังยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้แทนจีน และแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ กับเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่้นคงชาติ เป็นผู้แทนสหรัฐฯ ได้รับการดำเนินการในห้องที่ปิดประตู
แต่ถึงกระนั้นสื่อมวลชนและผู้สนใจยังสามารถได้ยินเสียงตะโกน เสียงที่เกิดขึ้นบ่อยจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย
การประชุมใช้เวลา 2 วัน คือวันที่ 18 และ 19 มีนาคม โดยทั้งผู้แทนจีนและสหรัฐฯต่างยินดีที่มีโอกาสใช้การประชุมเพื่อรับฟังความเห็นของอีกฝ่าย การรับฟังที่จะทำให้ได้เข้าใจข้อข้องใจของกันและกัน ข้อข้องใจเกือบจะทุกเรื่อง
(https://www.politico.com/news/2021/03/19/china-usa-alaska-477267)
ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศโลก ที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อข้องใจ หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง และให้สหรัฐรับข้อตกลงลดโลกร้อนที่เกือบทุกประเทศเห็นด้วย โดยยังยินดีให้ความร่วมมือในการลดความเสี่ยง
จากนั้นผู้แทนจีนได้แถลงต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า การพูดคุยเป็นไปอย่าง”ตรงไปตรงมา เปิดเผย และสร้างสรรค์” ขณะเดียวกัน”ยังยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของแต่ละฝ่าย” ขณะเดียวกันผู้แทนสหรัฐฯได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า การพูดคุยมีความ”หนักแน่น ตรงไปตรงมา และจริงจัง”
(https://news.cgtn.com/news/2021-03-19/First-session-of-China-U-S-talks-in-Alaska-concludes-YKnP3QNxEQ/index.html)
ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงที่จะรักษาช่องทางการพูดคุยและการร่วมมือให้คงอยู่ตลอดไป โดยในประเด็นนี้นายบลิงเคนยังกล่่าวว่า “สหรัฐกับจีนจะยังคงแข่งกัน ๆ ในเรื่องที่ควรแข่ง เช่นเดียวกับการร่วมมือ ส่วนถ้ามีการทะเลาเบาะแว้งก็ควรปล่อยให้มี”
เห็นคำแถลงของทั้งฝ่ายคงเข้าใจการประชุมเต็มไปด้วยความเรียบร้อย หาใช่เช่นนั้น วันแรกของการประชุมต่างฝ่ายต่างงัดข้อกล่าวหาใส่กันและกัน มีการขึ้นเสียงจนได้ยินทั่ว ขึ้นเสียงทั้ง ๆ ที่การประชุมระดับนี้ไม่ควรเกิด
โดยผู้แทนจีนได้ตำหนิสหรัฐฯเกี่ยวกับ”การประพฤติตัวต่ำและการพูดอย่างทำอีกอย่าง” ขณะที่ผู้แทนสหรัฐฯย้อนกลับด้วยการตำหนิจีนเกี่ยวกับ”การทำลายระเบียบโลกว่าด้วยการธำรงรักษาเสถียรภาพ รวมทั้ง”การโจมตีพื้นฐานการดำเนินชีวิตของมนุษย์”
นั่นคือ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ยัง ๆ ผู้แทนจีนยังไม่หยุดโต้ตอบ โดยนายหยางเองกล่าวว่า “จีนเชื่อเป็นเรื่องสำคัญที่สหรัฐฯจะต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเอง และหยุดเผยแพร่ประชาธิปไตยแนวที่ตัวเองใช้”
จากนั้นยังพูดว่า ความเห็นของสหรัฐฯและพันธมิตรไม่ใช่ความเห็นชาวโลก อีกทั้งสหรัฐฯยังกำลังเป็นผู้นำโลกด้านการจารกรรมทางไซเบอร์ ถึงตรงนี้คงต้องถามผู้อ่านรู้สึกอย่างไร เห็นการกล่าวหาแล้วคงคิดเป็นเรื่องยากที่ทั้งสองฝ่ายจะนั่งพูดคุยตลอดไป ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว
คิดเช่นนั้นผิด การพูดคุยจะยังมี เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมีผลประโยชน์กันและกันมูลค่ามหาศาล และนับวันจะยิ่งมาก ถ้ารวมฮ่องกงเข้าไปด้วย ฮ่องกงที่เป็นเมืองค้าขายระดับโลก และจีนไม่มีวันจะปล่อย
(https://medium.com/@samgellman/what-hong-kong-has-done-right-2563004e7871)
ทั้งนี้มีสองเหตุการณ์ที่เป็นข่าวระหว่างการเจรจา ข่าวแรกในวันเปิดเจรจาจีนได้ดำเนินคดีชาวแคนาดาสองคนในข้อหาทำจารกรรม หลังถูกขังนานเกือบ 2 ปี การเลือกวันนี้ถือเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของจีนในการเอาจริงกับปัญหาความมั่นคง ไม่ใช่กำลังจะผ่อนคลาย
(https://edition.cnn.com/2021/03/11/asia/canada-china-kovrig-spavor-intl-hnk/index.html)
ส่วนเหตุการณ์ที่สอง คือการประกาศห้ามรถเทสลาวิ่งบนพื้นที่ทหาร รวมทั้งห้ามเจ้าหน้าที่ทหารและคนงานใช้รถยี่ห้อนี้ ทั้งนี้เทสล่าเป็นรถดาวรุ่งทำในสหรัฐฯ ที่ล่าสุดมีการผลิตในจีน โดยตั้งแต่ก่อตั้งยักษ์ใหญ่ไฮเทคจีนรายหนี่งถือหุ้นร้อยละ 5
(https://americanstocknews.com/business/tesla-recalling-50000-cars-in-china/)
ที่เป็นดาวรุ่งเพราะเป็นรถขับด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องติดตั้งกล้องเก็บข้อมูลเรียลไทม์เพื่อใช้ในการขับขี่ กลัว ๆ จีนกลัวกล้องดังกล่าวเมื่อสหรัฐฯต้องการข้อมูลจะใช้วิธีสุดลับดึงข้อมูล ทำให้สามารถรู้ความเป็นไปของประเทศได้ทุกเวลา
จบ ๆ ๆ ๆ ความรุดหน้าในการดำเนินความสัมพันธ์ที่่ดีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ความรุดหน้าที่เกิดก่อนการประชุมแองเคอเรจ และยังจบแบบยับเยินเพราะได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวโลกที่รักสันติภาพหวังจะให้มี