เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์.. “สีจิ้นผิง” กับการสร้างสังคมจีนให้มั่งคั่งพอประมาณ
คนทั้งโลกยังคุยกันไม่หยุดถึงคำปราศัยของสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ที่กล่าวถึงความสำเร็จในการสร้างจีนให้เป็นสังคมมั่งคั่งพอประมาณ ความสำเร็จที่หมายถึง การยุติการเดินทางนาน 2500 ปีของชาวจีน
.
เพื่อแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า เสี่ยวคัง หรือการมีชีวิตสันติสุข โดยความสำเร็จมาจากความพยายามนานหนึ่งศตวรรษของพรรคคอมมิวนิสต์จีน บวกความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
และการรู้จักใช้ความรุดหน้าในงานสาขาต่าง ๆ ในระยะกว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นคำปราศรัยในพิธีฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งจัดที่จตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564นี้
ท่ามกลางเสียงตะโกนแสดงความดีใจของบรรดาประชาชนที่ไปร่วมพิธีอย่างล้นหลาม
.
ชาวโลกคุยเรื่องนี้เพราะคาดการณ์ก่อนหน้าแล้วว่า นี่เป็นการประกาศการเป็นประเทศมหาอำนาจสมบูรณ์แบบของจีน คือครบทั้งการเมืองเศรษฐกิจและทหาร
.
แต่แน่นอนสิ่งที่จีนกำลังมีเหนือกว่าก็คือ เศรษฐกิจ ถ้าดูตัวเลขอัตราการขยายตัวในระยะดังกล่าว ซึ่งมีผลออกมาแล้วเป็นการขยายตัวแบบ miracle หรือปาฏิหาริย์
(http://www.china.org.cn/opinion/2018-12/03/content_74225657.htm)
จะว่าปาฏิหารย์สุด ๆ ก็ได้ เพราะก่อนหน้าทั้งเยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เคยทำปาฏิหารย์แบบนี้ แต่เทียบไม่ได้กับที่จีนทำตั้งแต่ปี 2542 เมื่อเติ้ง เสี่ยวผิงประกาศนโยบายนำพาประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่
(https://en.m.wikipedia.org/wiki/File:Deng_Xiaoping_statue_in_Shenzhen.JPG)
ซึ่งเพิ่งได้รับการขนานนามเศรษฐกิจระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ผสมทุนนิยม โดยเริ่มจากการให้ชาวจีนได้รับสิทธิ์ในการทำการเกษตรด้วยตัวเอง ไม่ต้องรวมตัวเป็นกลุ่ม
และนี่เป็นความสำเร็จแรกของระบบใหม่ เพราะสามารถยกระดับการครองชีพแบบทันตาเห็น โดยเฉพาะการขจัดความอดอยาก ซึ่งเกือบทำให้ประเทศจีนพินาศก่อนหน้า
(https://www.alamy.com/stock-photo/great-famine-china.html)
มาดูการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจของจีน ปี 1978 หรือ 2521 มูลค่าสินค้าส่งออกจีนมีเพียง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับแค่ 1 เปอร์เซนต์ของทั้งโลก
(https://www.bbc.com/news/business-49806247)
แต่อีกเพียง 7 ปีหรือปี 1985 ได้ทะยานเป็น 25,000 ล้านเหรียญ ครั้นแล้วอีกเกือบสองทศวรรษต่อมา มูลค่าได้พุ่งถึง 4.3 ล้านล้านเหรียญ ทำให้จีนได้เป็นประเทศค้าขายใหญ่สุดของโลก
ใครอยากให้ไทยเจริญไวเหมือนจีนเข้าไปดูกัน จีนทำได้อย่างไร และไทยจะทำแบบเดียวกันได้หรือไม่ และควรดูด้วยการขยายการลงทุนของจีนไปยังประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เจริญและเป็นตลาดใหญ่
(http://www.brics-info.org/chinese-investment-in-the-u-s-will-grow-in-2016/)
ทำไมจีนถึงทำ รวมทั้งจีนมีการสร้างนักลงทุนอย่างไร ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศสังคมนิยมที่ต้องไม่มีนายทุน การทะยานขึ้นเป็นประเทศค้าขายใหญ่สุดทำให้จีนได้รับสมญา workshop of the world
ซึ่งควรแปลว่า ห้องปฏิบัติการของโลก คือมีการปฏิบัติการผลิตทุกชนิดในประเทศจีน ไม่ใช่เป็นแค่ factory หรือโรงงาน .
แต่จีนไม่ทำเพียงสร้างนักลงทุน พร้อมกับระบบเศรษฐกิจใหม่จีนยังดึงนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้าไปลงทุน ซึ่งก็แห่เข้าไปเพื่อหาโอกาสจากการที่จีนมีค่าแรงงานต่ำและค่าครองชีพไม่สูง
(https://archive.shine.cn/business/China-FDI-up-52-in-July-yearonyear-on-MA-government/shdaily.shtml)
ขณะเดียวกันจีนเองก็มีลู่ทางการเป็นประเทศตลาดสำคัญ การเข้าไปลงทุนนอกจากจะผลิตสินค้าส่งออกแล้ว ยังสามารถขายในประเทศได้อีกด้วย
และการต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศนี่เองที่ทำให้จีนได้สร้างปาฏิหารย์ทางเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก หลังเกาหลีใต้ทำ และไม่มีใครคิดจะมีประเทศอื่นทำได้อีก
(https://en.wikipedia.org/wiki/Miracle_on_the_Han_River#/media/File:GDP_history_Since_1950_~_2016.png)
สาเหตุที่จะทำให้ประเทศอื่นทำไม่ได้ก็คือ เพราะตลาดทั่วโลกมีการครอบครองถ้วนหน้า โดยหลายแห่งยังมีหลายประเทศเข้าไปครอง อะไรคือทางออก หรือการแก้ปัญหา
จับตา ๆ เพราะขณะนี้มีบางประเทศที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เพื่อผลิตสินค้าที่จำเป็นในอนาคต ในจำนวนนี้เป็นประเทศใกล้ไทยรวมอยู่ด้วย อย่าเอา ๆ ไทยอย่าเอาโรงงาน เอา office หรือสำนักงานดีกว่า .
สร้างให้เป็น smart office ไปเลย เพื่อให้บรรดา smart workers หรือพนักงานอัจฉริยะเข้าไปทำงาน
(https://research.jllapsites.com/smart-city-tokyo-ahead/)
ความสำเร็จในการสร้างสังคมเสี่ยวคังตามคำประกาศของสีเมื่อขยายต่อไปหมายถึงอีกไม่นานจีนจะเป็นประเทศ smart country โดยจะเป็นประเทศแรกก็ว่าได้ เพราะมีแรงผลักดันสำคัญที่เป็นชาวชนบท
ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ได้พ้นจากความยากจนแล้ว และกำลังมั่งคั่งจากการทำเกษตรกรรม สี จิ้นผิงรู้เรื่องนี้ดีดังนั้นในคำปราศรัยของเขาจะมีประกาศนโยบายในการพัฒนาจีนให้เป็น “ประเทศมั่งคั่งพอประมาณ“
(https://www.globaltimes.cn/page/202102/1215818.shtml)
หรือ “moderate-prosperity country” เป็นประเทศแบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นประเทศสุดมั่งคั่งที่กำลังทรุดตัวกลายเป็นประเทศไม่มีอะไรกิน
คำปราศรัยของสี จิ้นผิงมีหลายแง่มุมให้ชวนคิด และหลายประเทศคงนำไปเป็นแม่แบบในการบริหารเศรษฐกิจ..