พฤกษาผ่าโครงสร้างองค์กร แตกไลน์รับตลาดพรีคาสท์ เร่งโตตามความต้องการของลูกค้า
พฤกษาผ่าโครงสร้างองค์กร แตกไลน์รับตลาดพรีคาสท์ เร่งโตตามความต้องการของลูกค้า อัดฉีดนวัต กรรมสีเขียว สร้างความโดดเด่นในการสร้างบ้านคาร์บอนต่ำคณะกรรมการบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างกิจการ และจัดตั้งบริษัทใหม่ “อินโน พรีคาสท์” มุ่งสู่การเติบโตทางธุรกิจ ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทในการสร้างองค์กรที่ยั่งยืน เพิ่มประสิทธิ ภาพและความคล่องตัวในการบริหารงานของกลุ่ม ภายใต้ยุทธศาตร์ขยายขีดความสามารถ ก้าวสู่ผู้นำด้านการอยู่อาศัยเพื่อชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” อย่างครบวงจร
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และทิศทางเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง และมีความเปลี่ยน แปลงตลอดเวลา เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และศักยภาพในการสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income ) ให้แก่บริษัทฯ ในระยะยาว คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างองค์กรและจัดตั้งบริษัทใหม่ “อินโน พรีคาสท์” ขึ้นมา เพื่อสร้างโอกาสและความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ รองรับการขยายกิจการในอนาคต เพิ่มคุณค่าสินค้าและความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสในการหาผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต
โดยจะแยกหน่วยธุรกิจพรีคาสท์ ซึ่งมีโรงงานพฤกษาพรีคาสท์ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท ให้โอนทรัพย์สิน สิทธิและหน้าที่ รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้แก่ บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ซึ่งอินโน พรีคาสท์ ถือหุ้นโดย บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง ผ่านบริษัท ควอตซ์ โฮลดิ้ง 1 จำกัด และบริษัท ควอตซ์ โฮลดิ้ง 2 จำกัด ซึ่งได้จัดตั้งแล้วเสร็จ และพร้อมกันนี้ทางกลุ่มฯ ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหาร โดยมอบหมายให้นายพรเทพ ศุภธราธาร เดิมดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานจัดซื้อจัดจ้างและซัฟพลายเชน บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนธุรกิจพรีคาสท์ นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ จึงขอถือโอกาสแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทีมงานในการขยายกิจการที่ผ่านมา ทั้งนี้กระบวนการปรับโครงสร้างกิจการจะเสร็จสิ้นภายในต้นปี 2566”
“การปรับโครงสร้างในครั้งนี้ เป็นไปตามกลยุทธ์การสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืนของทั้งกลุ่มบริษัทฯ เพื่อให้การบริหารงานในแต่ละธุรกิจมีความคล่องตัว บริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจพรีคาสท์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ นอกเหนือจากกลุ่มบริษัทฯ เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและสอดรับกับการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี และล่าสุดได้มีการลงทุนนำนวัตกรรมสีเขียว เข้ามาใช้ในโรงงานพรีคาสท์เพื่อสร้างบ้านคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นรูปธรรม” นายอุเทนกล่าวเสริม
นายพรเทพ ศุภธราธาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดพรีคาสท์ปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโต ตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ดีเวลลอปเปอร์หันมาเลือกใช้แผ่นพรีคาสท์มากขึ้น เพื่อลด ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
สำหรับโรงงานพฤกษาพรีคาสท์ เป็นโรงงานพรีคาสท์สีเขียว (Green Factory) “Zero Waste” แห่งแรกของไทย ที่ผ่านมากลุ่มพฤกษาได้นำความคิด Outside-In Innovation เข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง ได้พัฒนาแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดมีรูกลวง (Hollow Core) เพื่อลดการใช้ซีเมนต์ ใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี ที่ทันสมัยที่สุดในโลก มีระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพสูง สามารถผลิตได้ครบทุกส่วนของบ้าน รวมกับระบบการจัดเก็บแผ่นแบบอัตโนมัติที่มีความแม่นยำในการส่งสินค้าไปยังโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ด้วยระบบดังกล่าวทำให้บริษัทอินโน พรีคาสท์ มีศักยภาพกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ สามารถผลิตที่อยู่อาศัยได้สูงถึง 15,600 หลังต่อปี จากผลสำเร็จดังกล่าวข้างต้น ทำให้ยอดรับรู้รายได้ (Backlog) การขายแผ่นพรีคาสท์ภายนอกบริษัทมีกว่า 500 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายรวม 1 พันล้านบาทในปี 2566 ล่าสุดได้นำเข้าเทคโนโลยีสีเขียว “คาร์บอนเคียว” (CarbonCure) เข้ามาใช้เป็นรายแรกในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ (Low Carbon Precast)
“ทางกลุ่มฯ ไม่ได้หยุดยั้งในการสร้างคุณค่าความแตกต่าง หาวิธีในการช่วยลดปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกตลอดเวลา ที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมพร้อมไปกับการรักษาคุณภาพมาตรฐานการผลิตที่ดีไว้ได้ ทั้งนี้คาดว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีสีเขียวทั้งแนวทางลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) การใช้แผ่นพรีคาสท์แบบ Hollow Core และการใช้เทคโนโลยี CarbonCure รวมกับการใช้พลังงานโซล่าเซลล์ ที่จะเริ่มติดตั้งในช่วงต้นปีหน้าจะทำให้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ได้ถึง 15,098 ตันคาร์บอนต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้กว่า 1.5 ล้านต้น ถือเป็นการตอบรับความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้นจากความสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ เพื่อให้โครงการมีจุดขายให้กับลูกค้าผู้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างด้วย Low Carbon Precast ซึ่งลูกค้าจะได้บ้านที่มีคุณภาพ แข็งแรง และยังนับว่ามีส่วนช่วยในการลดการสร้างมลภาวะต่อโลกได้เช่นกัน ดังนั้นการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาจะทำให้แผ่นพรีคาสท์ที่เป็น Backlog เพื่อจะขายภายนอกนั้น ได้รับประโยชน์จากการลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ในชั้นบรรยากาศตามไปด้วย”