สสส.-เครือข่ายงดเหล้า ถอดบทเรียน 5 ชุมชนเดินหน้าชูของดี-เด่น
สสส.และเครือข่ายงดเหล้า ถอดบทเรียน 5 ชุมชนเดินหน้าชูของดี-เด่น สร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดเหล้า อบายมุข สร้างงานยั่งยืน โกยรายได้เข้าพื้นที่ พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณ 35 ชุมชน ต้นแบบ
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมสร้างสุข ท่องเที่ยวปลอดภัย โดยเชิญชุมชนร่วมถอดบทเรียนการท่องเที่ยวชุมชน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย 1. วิสาหกิจชุมชนบ้านต้นหล้าเชียงคานวัดป่าใต้ จังหวัดเลย 2. วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา จังหวัดสงขลา 3. ชุมชนการท่องเที่ยวบ้านแพมบก จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4. วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด 5. ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลไทยชนะศึก จังหวัดสุโขทัย พร้อมกันนี้ยังมอบประกาศเกียรติคุณในพื้นที่ทั้ง 4 ภาค รวม 35 ชุมชน
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ประธานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และผู้แทนจาก สสส. กล่าวว่า การท่องเที่ยวชุมชนจะเน้นการนำอัตลักษณ์ ของดีเด่น รวมทั้งประวัติศาสตร์วัฒนธรรมมาใช้เพื่อต่อยอดในการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ โดยดึงประชาชนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มเยาวชนเข้า เข้ามาร่วมกันออกแบบการทำงาน และการท่องเที่ยวในพื้นที่ของตน เพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ดังนั้น ชุมชนที่จัดการท่องเที่ยว จึงควรมีกฎ กติกา หรือมาตรการเฉพาะของชุมชนเอง เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะปัญหาที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การทะเลาะวิวาท ก่ออาชญากรรม การล่วงละเมิด ข่มขืน ทำให้การท่องเที่ยวไม่ปลอดภัย เป็นปัญหาสังคม ซึ่งทำลายภาพลักษณ์และบรรยากาศของการท่องเที่ยวในพื้นที่ ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะมี กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ห้ามการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะแต่ต้องยอมรับว่า กฎหมายดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงพื้นที่การท่องเที่ยว ดังนั้น ชุมชนอาจจะต้องเพิ่มมาตรการควบคุม กำกับในส่วนนี้เพิ่มเติมเข้าไปในกติกาของชุมชนได้ เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย ตลอดจนเป็นการรองรับปัญหาใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการผลักดันนโยบายสุราเสรีเกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเป็นกังวลว่า จะมีนักดื่มเพิ่มมากขึ้น ปัญหาที่เคยมีก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
นางสาวมาลัย มินศรี ผู้จัดการโครงการวัฒนธรรมสร้างสุขการท่องเที่ยวปลอดเหล้า ปลอดภัยฯ กล่าวว่า การส่งเสริมงานวัฒนธรรมสร้างสุข แหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย ในแผนงานนโยบายสาธารณะ เป็นการส่งเสริมชุมชนจากพื้นที่ทำงานงดเหล้าในงานบุญ ประเพณีปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยกระดับต่อยอด ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยนำทรัพยากรในพื้นที่ชุมชน มาพัฒนาต่อยอด สร้างองค์ความรู้ หาแนวคิดให้ชุมชนมีขีดความสามารถในการจัดการชุมชนตนเองสู่การท่องเที่ยวโดยชุมชน เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวหลัก เข้าสู่โหมดกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน เช่น การใช้สมุนไพร อาหารพื้นบ้าน การล่องเรือ การเดินป่า ชมความงดงามและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชน ชมผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น แล้วเสริมมาตรการความปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ ปลอดภัยสำหรับประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
ด้าน นายชาญวิทูร สุขสว่างไกร ผู้ประสานงานท่องเที่ยวชุมชนคูเต่า อ.บางกล่ำ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา เป็นวิถีท่องเที่ยวชุมชนแบบพรุ สวน ควน คลอง เล แบ่งเป็น 2 โซน คือ 1.พื้นที่วัดคูเต่า ชาวบ้านที่นี่จะอยู่ริมคลองอู่ตะเภาตอนล่าง จึงเน้นกิจกรรมปั่นจักรยานเที่ยวชมโบราณสถาน กิจกรรมฝาผนัง และพิพิธภัณฑ์ 2.ที่โคกเมืองจะเป็นระบบนิเวศน์ชายฝั่ง ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง ดังนั้นการท่องเที่ยวจึงเป็นรูปแบบชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลน และวิถีชุมชน ปิ่นโตร้อยสาย ทั้งนี้การท่องเที่ยวในพื้นที่จะกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวแบบเชื่อมพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมการทำอาชีพที่สอดคล้องวิถีความเป็นอยู่กับวัฒนธรรม เบื้องต้นได้มีการกำหนดกติกาการท่องเที่ยวปลอดแอลกอฮอล์ เพื่อทำให้การท่องเที่ยวของเรามีความปลอดภัยอย่างแท้จริง
ขณะที่ นายบุญอนันต์ เหล่อโพ ผู้ประสานงานชุมชนบ้านแพมบก อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า บ้านแพมบกเป็นหมู่บ้านชาวไทใหญ่ ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา จึงเน้นการท่องเที่ยวธรรมชาติ และมีไฮไลต์คือ สะพานบุญโขกู้โส่ ซึ่งเป็นสะพานบุญแห่งศรัทธา เป็นสะพานไม้ไผ่ทอดยาวกลางหุบเขา มีการก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน และยกระดับเป็นชุมชนจัดการตนเอง สามารถบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่ เปิดโฮมสเตย์แบบไทใหญ่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว กิจกรรมหลักๆ คือการพานักท่องเที่ยวนั่งรถจักรยานยนต์พ่วงข้างสัมผัสบรรยากาศ สวนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกซาโยเต้ หรือฟักแม้ว ผักกูด ที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอปาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเก็บมาปรุงอาหาร คู่กับน้ำพริกคั่วทราย ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวไทยใหญ่ ที่สำคัญคือชุมชนแพมบกเป็นหนึ่งพื้นที่รณรงค์งดเหล้าอยู่แล้ว ในร้านค้าชุมชนจึงไม่มีการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ทั้งนี้ เพื่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นกติกาที่คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวควรต้องปฏิบัติตาม.