สมาคมธุรกิจสร้างบ้านขอยาแรง
ลดภาษีช่วยธุรกิจรับสร้างบ้าน
นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผยมาตรการกระตุ้นอสังหาฯล่าสุด ไม่เอื้อธุรกิจรับสร้างบ้าน ลูกค้ายังชะลอการตัดสินใจต่อเนื่อง ชี้กำลังซื้อไตรมาสสุดท้ายยังคงฝืด หากภาครัฐยังไม่รีบให้ยาแรง เสนอมาตรการระยะสั้นกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขอรัฐลดหย่อนภาษีให้ผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง ชี้ช่วยผู้บริโภค-ผู้ประกอบการทั้งระบบแถมรัฐไม่ต้องลงทุน
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ภาครัฐได้มติเห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์รวม 2 มาตรการ ทั้งในส่วนมาตรการการเงิน โดยส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง เพื่อให้ผู้กู้ใช้ในการซื้อที่ดินพร้อมอาคาร ห้องชุด หรือเพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และมาตรการการคลัง ในการลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โดยให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ และห้องชุด รวมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับรายได้ที่จ่ายไปเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมองว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการในส่วนบ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียมในภาพรวม แต่สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านจะได้อานิสงค์จากมาตรการดังกล่าวน้อยมากในเชิงปฏิบัติ
ทั้งนี้ทางสมาคมฯ ได้รวบรวมข้อเสนอไปยังทีมเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังในส่วนมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านทั้งในส่วนการขอลดหย่อนภาษีให้กับผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองและการขอให้มีการจัดสรรที่ดินเปล่าให้ผู้ต้องการมีบ้านและที่ดินเป็นของตัวเอง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้งระบบ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยหากรัฐบาลยังไม่ได้มาตรการใดๆ ที่รองรับในส่วนธุรกิจรับสร้างบ้านอาจส่งผลกระทบยาวไปถึงปีหน้า เพราะในไตรมาส 4 นั้นชัดเจนแล้วว่าทรงตัว ยอดขายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมโปรโมชั่นที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการเอง
“จากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลต่อความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง กระทบการตัดสินใจในการใช้จ่ายอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากผลการจัดงาน Home Builder Expo 2015 ที่ผ่านมา พบว่ายอดจองบ้านลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งทางสมาคมฯ ก็ได้พยายามกระตุ้นด้วยกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆอย่างเต็มกำลัง แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นทางสมาคมฯ จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ให้เร่งออกมาตรการระยะสั้นที่เป็นรูปธรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
สมาคมฯ จึงขอเสนอให้ใช้นโยบายด้านการคลัง โดยลดหย่อนภาษีให้กับผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ในอัตรา 5% ของราคาปลูกสร้าง ทยอยลดหย่อนปีละ 20% เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคที่มีที่ดินตัดสินใจปลูกสร้างบ้านได้ง่ายและเร็วขึ้น และยังเป็นการใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่าได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้เสนอให้ทางรัฐบาลโดยการเคหะแห่งชาติได้จัดสรรที่เปล่าสำหรับปลูกสร้างบ้านพร้อมสินเชื่อรองรับ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สามารถเข้าถึงและมีโอกาสปลูกสร้างบ้านมากขึ้น” นายกสมาคมฯธุรกิจรับสร้างบ้านกล่าว
นอกจากนี้นายวิสิฐษ์ ยังได้ขยายความเพิ่มเติมว่า การลดภาษีสำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างบ้านและสนับสนุนให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตนเองง่ายขึ้น ทั้งยังลดจำนวนที่ดินว่างเปล่า ก่อให้เกิดการจ้างงานทันทีและกระจายตัวไปสู่ผู้ประกอบการ SME เกิดเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่า 2.5 เท่า ยกตัวอย่าง หากมีผู้เข้าร่วมโครงการ 10,000 หลัง เฉลี่ยบ้านหลังละ 3,000,000 บาทจะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบทันที 75,000 ล้านบาท อีกทั้งยังจะเกิดอานิสงส์กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีกจำนวนมาก คาดว่า 50% ของมูลค่าปลูกสร้างบ้าน เงินหมุนเวียนในระบบจะเพิ่มขึ้นอีก 37,500 ล้าน รวม 112,500ล้านบาท โดยที่ภาครัฐไม่ต้องลงทุนเป็นเม็ดเงิน และสามารถทำได้ทันที
ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยทั้งประชาชนที่ต้องการปลูกสร้างบ้านและภาคผู้ประกอบการไปในคราวเดียวกัน และโครงการนี้จะไม่ก่อให้เกิดการสร้างเพื่อเก็งกำไร เพราะเป็นความต้องการที่แท้จริงในการปลูกสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยในที่ดินของตนเอง ซึ่งแนวความคิดดังกล่าวสมาคมฯ อยากให้มีการศึกษาและนำมาใช้อย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ในวงกว้างดังที่กล่าว