ไวน์นิวซีแลนด์ส่งออกที่8โลก
ไทยนิยมรสชาติเหมาะเมนูไทย
ความหลากหลายของรสชาติไวน์จากนิวซีแลนด์ เป็นที่นิยมในประเทศไทย ยืนยันได้จากการตอบรับที่ดีจากร้านอาหารและผู้บริโภค เนื่องด้วยรสชาติที่กลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับอาหารไทยและอาหารเอเชีย ยอดจำหน่ายโต 88% นับจากปี 2554 นำเข้าไทยอันดับ 7 ชี้ความสำเร็จส่วนใหญ่เป็นผลจากทักษะการใช้นวัตกรรมของผู้ผลิตไวน์และยกระดับศิลปะแบบดั้งเดิมในการผลิตไวน์ให้สูงขึ้น อีกทั้งเป็นการผลิตไวน์แบบยั่งยืน
มร. รูเบน ลีเวอร์มอร์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า “ผลิตภัณฑ์ไวน์จากนิวซีแลนด์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศไทย ยืนยันได้จากการตอบรับที่ดีจากร้านอาหารและผู้บริโภค เนื่องด้วยรสชาติที่กลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับอาหารอย่างลงตัว” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ยอดจำหน่ายไวน์นิวซีแลนด์ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น 88 เปอร์เซ็นต์ โดยมียอดจำหน่ายส่วนใหญ่มาจาก โซวินยองบลังค์ (sauvignon blanc) ซึ่งเป็นที่นิยม นอกจากนี้ยังมี พิโน นัวร์ (pinot noir) ซึ่งเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก และกาแบร์เนต์ (cabernets) ชาดองเนย์ (chardonnays) และ สปาร์กลิ้งไวน์ (sparkling wines) ที่มีคุณภาพและกลิ่นอันยอดเยี่ยม
“ไวน์จากนิวซีแลนด์มีวางจำหน่ายมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้ประเทศนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตจากการส่งออกสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบันประเทศนิวซีแลนด์นับเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกไวน์สูงเป็นอันดับที่ 8 ของโลก และเป็นอันดับที่ 7 ของประเทศผู้ส่งออกไวน์มายังประเทศไทย ไวน์นิวซีแลนด์ได้กลายเป็นที่โปรดปรานของผู้รักการทานอาหาร เนื่องด้วยความหลากหลายของรสชาติไวน์ที่สามารถเข้ากันได้ดีกับอาหารไทยและอาหารเอเชีย รวมถึงอาหารของฝรั่งเศสและอิตาลี” มร. รูเบน กล่าวเพิ่มเติม
“เนื่องจากความสำเร็จนี้ เราได้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตไวน์นิวซีแลนด์จำนวนมากขึ้นที่มองหาช่องทางเข้าสู่ตลาดประเทศไทย และเราได้เชิญ มร.บอบ แคมพ์เบลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์จากประเทศนิวซีแลนด์มายังประเทศไทยเพื่อจัดงานสัมมนาในกรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของไวน์นิวซีแลนด์ได้มากยิ่งขึ้น”
ในช่วง 2 – 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศนิวซีแลนด์ได้ขยับฐานะจากผู้ผลิตไวน์ที่ไม่เป็นที่รู้จักกลายมาเป็นผู้ผลิตไวน์ที่ทำให้โลกได้ตื่นตาตื่นใจในการแข่งขันระดับนานาชาติ และได้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตไวน์โลกใหม่ชั้นนำในปัจจุบัน
ความสำเร็จส่วนใหญ่เป็นผลมาจากทักษะในการใช้นวัตกรรมของผู้ผลิตไวน์และเจ้าของไร่องุ่นในการยกระดับศิลปะแบบดั้งเดิมในการผลิตไวน์ให้สูงขึ้น การผลิตไวน์แบบยั่งยืนเป็นลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งพื้นที่การปลูกไร่องุ่นในประเทศนิวซีแลนด์มากกว่า 90 เปอร์เซนต์ได้รับการรับรองระดับประเทศว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Sustainable Wine Growing New Zealand ซึ่งบางโครงการได้ประสบความสำเร็จในการได้รับสถานภาพปลอดคาร์บอน (carbon neutral) โครงการนี้ยังสนันสนุนการปลูกโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผลิตแบบออร์แกนิค และไบโอไดนามิค
“ผู้คนจำนวนมากอาจมีข้อสงสัยว่าเพราะเหตุใดไวน์จากประเทศนิวซีแลนด์ถึงได้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เนื่องมาจากภูมิประเทศอันกว้างใหญ่ที่อุดมไปด้วยดินนานาชนิด และสภาพอากาศอันเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการผลิตไวน์ โดยไร่องุ่นริมชายฝั่งทะเลนั้นได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสภาพภูมิอากาศชายทะเลที่อบอุ่น ต้นองุ่นจึงได้รับความอบอุ่นจากแสงแดดในระหว่างวัน และความเย็นจากลมทะเลในช่วงเวลากลางคืน ทำให้ช่วงระยะเวลาของการสุกงอมของผลองุ่นค่อยๆ ช้าลง จึงสามารถรักษารสชาติหลากหลายและความมีชีวิตชีวาไว้ได้อย่างยาวนาน จนทำให้ไวน์จากประเทศนิวซีแลนด์มีความโดดเด่น” มร.บอบ แคมป์เบลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์จากประเทศนิวซีแลนด์กล่าว
ภาพประกอบจาก– www.nzwine.com