“เดลล์” ฉลอง 20 ปีธุรกิจในไทย
ก้าวสู่ปี21คืนสิ่งดีสังคม-สวล.
เดลล์ จุดพลุฉลองความสำเร็จ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจในไทยกับความสำเร็จในการขยายธุรกิจทั้งในส่วนธุรกิจองค์กร (คอมเมอร์เชี่ยล) และธุรกิจกลุ่มคอนซูเมอร์อย่างต่อเนื่อง ประกาศก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 ด้วยแผนงาน “Dell 2020 Legacy of Good Plan” สานต่อพันธกิจเดลล์ในระดับโลก คืนสิ่งที่ดีสู่ลูกค้าทั้งองค์กรธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศ ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า สังคมและสิ่งแวดล้อมโลก ตั้งเป้าผู้นำ IT ควบรวมกิจการเสริมแกร่ง
นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการทั่วไป ภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เดลล์ ประเทศไทย ได้ก่อร่างและขยายธุรกิจมาอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง สามารถนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในฝั่งคอนซูเมอร์ ปรับบทบาท และภาพลักษณ์องค์กรจากการเป็นผู้ค้าคอมพิวเตอร์มาสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านไอทีแบบครบวงจร (End-to-End Solution Provider) ขยายความร่วมมือ และเพิ่มสัดส่วนการทำตลาดผ่านพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและการขยายตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั่วประเทศ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความคาดหวังและความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มให้สมบูรณ์ที่สุด
สำหรับการก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่งในปีที่ 21 เดลล์ ประเทศไทยประกาศการเดินหน้าธุรกิจภายใต้แผนงาน “Dell 2020 Legacy of Good Plan“ เพื่อสานต่อพันธกิจระดับโลกขององค์กร ในการผสานเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญที่เดลล์มีทั้งหมดเพื่อทำให้องค์กรสามารถสร้างสิ่งที่ดีที่สุดคืนกลับผู้คนและโลกใบนี้โดยรวม โดยเป้าหมายหลักส่วนหนึ่งของแผนงานคือ การทำให้สายผลิตภัณฑ์มากกว่า 80% ของเดลล์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน (Energy Efficient) พร้อมกับดำเนินการให้บรรจุภัณฑ์ (Packaging) ทั้งหมดสามารถย่อยสลายหรือนำกลับมาใช้ได้ใหม่ทั้งหมด 100% (Waste-free) ที่สำคัญ คือ เป้าหมายในการนำเอาพลาสติกที่ได้จากกระบวนการรีไซเคิลมากกว่า 50 ล้านปอนด์เข้ามามาใช้ในผลิตภัณฑ์
การประกาศแผน 2020 Legacy of Good ในครั้งนี้ เดลล์ ประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อมในขั้นเริ่มต้น โดยนอกเหนือจากการนำผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยลูกค้าลดปริมาณการใช้พลังงาน (Energy efficiency) รวมถึงวางจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนประกอบเป็นวัสดุรีไซเคิลแล้ว เดลล์ยังเตรียมพร้อมที่จะประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมในส่วนของการเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) อีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายขององค์กรแม่ในการลดจำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ให้มากยิ่งขึ้น
“ประเด็นทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมกำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นต่อลูกค้าของเราไม่ว่าจะเป็นในส่วนคอนซูเมอร์หรือองค์กรธุรกิจ ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการ พนักงาน ไปจนกระทั่งภาพลักษณ์ของแบรนด์ และผลลัพธ์จากการทำธุรกิจ ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการบริหารจัดการธุรกิจที่ยั่งยืน รวมถึงทำธุรกิจกับองค์กรที่มีความรับผิดชอบที่มาพร้อมความสามารถในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกภาคส่วนของการดำเนินงาน ในภาพใหญ่ของ 2020 Legacy of Good Plan ของเดลล์ อิงค์. นั้น เรามองออกไปไกลในการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อก่อให้เกิดการดำเนินการแบบยั่งยืนในระบบนิเวศของเราทั้งหมด เพื่อทำให้การพัฒนาแบบยั่งยืนเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้นสำหรับทั้งลูกค้าและพันธมิตรของเรา รวมไปถึงชุมชนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา”
เพื่อการต่อยอดธุรกิจในปีที่ 21 เดลล์ ประเทศไทยพร้อมเดินหน้าในการนำเสนอคอมเมอร์เชียลโซลูชันแบบครบวงจร เพื่อสนับสนุนองค์กรธุรกิจให้เป็นองค์กรที่พร้อมสรรพสำหรับอนาคต (Future-Ready Enterprises) เพราะด้วยกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างต้องเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้มีความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเดลล์มีโซลูชันที่พร้อมสรรพสำหรับองค์กรธุรกิจ (Future-Ready IT Solution) บนมาตรฐานระบบเปิดที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถปรับขยาย ให้มีความยืดหยุ่น และมีความคล่องตัวตามที่องค์กรขนาดใหญ่ต้องการ ที่สำคัญคือคำนึงถึงการใช้งานเพื่อรองรับอนาคตเป็นหลัก
“เรามุ่งให้ความสนใจไปที่ลูกค้าเป็นหลัก เราจึงสามารถช่วยให้องค์กรธุรกิจเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าขององค์กรได้ดียิ่งขึ้น เดลล์มีโซลูชันที่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเฮลธ์แคร์ การศึกษา อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมค้าปลีก และอื่นๆ เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจกลายเป็นองค์กรที่พร้อมสรรพสำหรับอนาคต” นายอโณทัย กล่าว
สำหรับในส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ เดลล์จะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ใช้ในทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ ด้วยคอนเซ็ปต้องการเป็นองค์กรที่รับฟังความต้องการของลูกค้า เดลล์จะทยอยส่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทั้งโน้ตบุ๊คและพีซี และอื่นๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพีซีที่เดลล์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ผู้ก่อตั้งเดลล์ กับนวัตกรรมในอดีต
นอกจากนี้ในโอกาสเฉลิมฉลอง 20 ปีของเดลล์ ประเทศไทย เดลล์ยังได้จัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อนำเสนอแคมเปญแทนคำขอบคุณแก่ผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคด้วย ภายใต้แคมเปญ More Dell More Deal ซึ่งมีลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญจำนวนมากในทุกพื้นที่ที่จัดแคมเปญ เดลล์ ประเทศไทย โดยได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคม โดยร่วมกับมูลนิธิกระจกเงาสร้างสรรค์โครงการบริจาคคอมพิวเตอร์เพื่อเสริมสร้างความรู้อย่างไร้ขีดจำกัดมอบให้แก่โรงเรียนใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ และล่าสุด เดลล์ ได้เริ่มดำเนินการปรับโฉม Dell Concept Store ใหม่ โดยได้เปิดให้บริการเป็นแห่งแรกอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นายอโณทัย ยังกล่าวว่า เป้าหมายภายในปี 2020 เดลล์ต้องการเป็นผู้นำทางด้านไอที รวมด้าน Enterprise ,Data Center และ IOT ที่ผ่านมาจึงมีการพยายามขยายการควบรวมกิจการเพิ่มเสริมแกร่ง เช่น เวลานี้อยู่ระหว่างการหารือควบรวมกิจการกับ EMC บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการจัดเก็บข้อมูล คาดว่าจะรู้ผลราววันที่ 15 ธันวาคม 2558 และบรรลุข้อตกลงได้ราวกลางปีหน้าไปแล้ว
ทั้งนี้ได้ชี้ว่า IOT หรือ Internet of Thing เป็นเรื่องของอนาคตซึ่งทุกองค์กรกำลังลงทุนมุ่งสู่ IOT แม้ว่าการลงทุนอาจจะไม่เห็นผลในระยะเวลาอันสั้น แต่หากไม่ลงทุนจะเหมือนเป็นการถดถอย เพราะเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้จะเป็นประโยชน์ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศไทย ทั้งด้านโลจิสติกส์ การเพิ่มกำลังผลิตแก่โรงงานอุตสาหกรรม ช่วยให้แข่งขันกับคู่แข่งได้ รวมถึงด้านการเพิ่มมูลค่า เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจบริการ ลูกค้าหันมาใช้โซลูชั่นด้าน IOT มากขึ้น กล่าวได้ว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่ IOT ทั้งนี้เดลล์มีการลงทุนที่สำคัญเช่นกัน ได้แก่ IOT LAB ซึ่งมีเครื่องมือ อุปกรณ์ทดสอบพร้อม โดยจะมีการเปิดตัวในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า
สำหรับภาพรวมของตลาดไอทีในปี 2558 ชะลอตัวลงจากปี 2557 ที่ผ่านมา เนื่องจากภาครัฐมีการลงทุนน้อย มีความเข้มงวดในการบริหารการจัดซื้อจัดจ้าง ในระยะสั้นอาจกระทบต่อการใช้จ่าย แต่ในระยะยาวจะส่งผลดีต่อประเทศ อย่างไรก็ดีตลาดที่คาดว่าจะไปได้ดีได้แก่ ตลาดผลิตภัณฑ์ Home Use หรือผลิตภัณฑ์ใช้ในบ้าน สำหรับแทบเล็ตเริ่มลดลงเนื่องจากผู้บริโภคหันไปใช้โน๊ตบุ๊คเพิ่มขึ้นทำให้ตลาดโน๊ตบุ๊คกระเตื้องขึ้น อีกทั้งอุปกรณ์หน้าจอขนาดเล็กมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจึงทำให้ความต้องการแทบเล็ตที่จอใหญ่กว่าลดลงไป
ส่วนในปี 2559 นั้น ในด้านบวก มองว่า เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าขึ้น ทุกองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อให้แข่งขันได้ ส่วนด้านลบนั้นอาจมีปัจจัยเสี่ยงด้านค่าเงินและเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องระมัดระวัง