งาน ‘Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024’ พร้อมเปิดประตูสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมความงามภูมิภาคอาเซียน
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประกาศความพร้อมในงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 พร้อมเปิดประตูสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน พบนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า1,500 แบรนด์ทั่วโลก
Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าความงามระดับโลกเริ่มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้จัดงานฯ มั่นใจนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า 1,500 แบรนด์ทั่วโลก จะช่วยผลักดันธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า หากดูข้อมูลของ EUROMONITOR INTERNATIONALจะพบว่าอุตสาหกรรมความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นทุกปี โดยถือเป็นการเติบโตแบบ Double-Digit ตั้งแต่ปี 2566 -2567 และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการดำเนินงานดีที่สุดในภูมิภาค โดยคาดว่าตลาดความงามของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2566ทั้งนี้การจัดงานแสดงสินค้าความงามระดับโลก หรือ Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง 3 ผู้จัดงานระดับโลก BolognaFiere, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition Co Ltd. โดยเชื่อมั่นว่างานนี้จะช่วยเป็นเวทีกลางการเจรจาธุรกิจของอุตสาหกรรมความงามอาเซียน และเป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีความงามจากนานาประเทศเข้าจัดแสดงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมความรู้ด้านธุรกิจความงาม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่มีศักยภาพผ่านกิจกรรมต่างๆภายในงานอีกด้วย
นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (Ms. Angel Fu Event Director, Informa Markets) กล่าวว่า เราเชื่อว่างาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 จะช่วยผลักดันและตอกย้ำการเติบโตของตลาดความงามอาเซียน รวมถึงประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยภายในงานมีผู้ผลิตสินค้าและนวัตกรรมเกี่ยวกับความงามร่วมงานมากกว่า 1,500 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานแสดงสินค้ามากกว่า 14,000 คน ทั้งคนไทย และนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, โปรตุเกส, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ขณะเดียวกันภายในงานยังมีพาวิลเลียนจัดแสดงสินค้าอีก 4 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี เกาหลีใต้ และไทยมาช่วยเพิ่มประสบการณ์และสร้างสีสันให้กับผู้เข้าชมงานอีกด้วย
นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ (Ms. Francesca Donati Head of International Marketing for Asia, Bolognafiere Cosmoprof) กล่าวว่า เราได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Match&Meet ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย สามารถกำหนดเวลาการนัดหมายเจรจาธุรกิจ หรือพูดคุยออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นตามความต้องการ ผ่านแพลตฟอร์มเจรจาธุรกิจออนไลน์ที่เราเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ภายในงานยังประกอบไปด้วยโซนแสดงสินค้าหลากหลายประเภทหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น สปาไทย, MEDICAL BEAUTY, BEAUTY MADE IN THAILAND, FOOD SUPPLEMENTS และ THAI PREMIUM BRANDS เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาความรู้อย่าง CosmoTalks ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ แนวโน้ม และภาพรวมต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน เช่น ผลกระทบของความยั่งยืนใน Supply Chain รวมไปถึง แนวโน้มที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ความงามของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เป็นต้น
นางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดความงามและเครื่องสำอางไทยในปี 2023 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 250,380 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.5% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 46,012.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% และกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 204,368.15 ล้านบาท ทั้งนี้การเติบโตของสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ 41% กลุ่มดูแลเส้นผม 16% และกลุ่มเครื่องสำอาง 12% โดยเราพบว่ากว่า 72% ของสินค้าที่ขายดีนั้นผลิตในประเทศไทย โดยปัจจุบันตลาดความงามและเครื่องสำอางของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 19 ของด้วยส่วนแบ่ง 1.5% (ยกเว้นผ้าอนามัยและผลิตภัณฑ์สปา)
อย่างไรก็ตามหากดูข้อมูลจาก GRAND VIEW RESEARCH ระบุว่า มูลค่าเครื่องสำอางของโลกในปี 2030 จะอยู่ที่ 12.38 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 13,146 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าเครื่องสำอางของประเทศไทยในปี 2030 คาดการณ์อยู่ที่ 323,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโต 1.5 เท่าของปี 2022 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 85% และสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 15%
สำหรับเทรนด์ความงามและการดูแลส่วนบุคคลในปี 2024 นี้ ความตระหนักรู้ของผู้บริโภคส่งผลให้กลุ่ม Clean Beauty จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยเป็นมิตรกับธรรมชาติ, เครื่องสำอางที่ไม่ได้ทำการทดสอบกับสัตว์ หรือ Cruelty Free, ความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ หรือสินค้าออร์แกนิค รวมถึงเครื่องสำอางที่ให้ความสำคัญของผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ หรือ เมคอัพเบา ๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วย
“เราเชื่อว่า 4 ปีต่อจากนี้ (2024-2028) อุตสาหกรรมความงาม และเครื่องสำอางไทยจะยังคงเติบโตต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ผลิตทั้ง OEM/EDM หรือการหาซัพพลายเออร์หลักเพื่อส่งไปยังตลาดหลักๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันแบรนด์จากต่างประเทศจำนวนมากได้เลือกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอการลงทุนสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางนานถึง 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญต้นทุนการผลิตไม่ได้สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน”
ทั้งนี้งานแสดงสินค้าความงาม Cosmoprof CBE ASEAN 2024 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับผู้ประกอบการชั้นนำด้านธุรกิจความงาม ครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งในส่วนของโซนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Branded Finished Products) จะมีผลิตภัณฑ์เช่นเครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ร้านเสริมความงามและสปา, กลุ่มผมและเล็บ, กลุ่มธรรมชาติและออร์แกนิค, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ได้เลือกจับคู่ธุรกิจด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีโซนที่ตอบโจทย์กลุ่มการผลิตทั้งอย่างโซน Supply Chain ที่ประกอบด้วยสินค้ากลุ่ม OEM&ODM, เครื่องจักรและอุปกรณ์, วัตถุดิบและส่วนผสม, บรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีโซนจัดแสดงพิเศษ ที่จะมาเติมเต็มความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรม รวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมความงามจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย นายสรรชาย กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cosmoprofcbeasean.com
ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.cosmoprofcbeasean.com/registration