นายกฯเปิดงาน OTOP TO AEC
เยี่ยมบูธSMEs Bankคลองผดุงฯ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมบูธเอสเอ็มอีแบงก์ ร่วมงาน OTOP TO AEC …มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล ซึ่งให้บริการปรึกษาแนะนำทางการเงินและนำลูกค้ามาออกบูธจำหน่ายสินค้า โดยมี นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ เอสเอ็มอีแบงก์ นายสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ต้อนรับ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อเร็วๆ นี้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน“OTOP TO AEC…มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล จัดโดยกระทรวงมหาดไทย โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง คณะทูตานุฑูต อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมงาน เมื่อวันอังคาร(3พ.ย.)ที่ผ่านมา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงานว่า การจัดงาน “OTOP TO AEC…มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล” ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินงานโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้า และเป็นการเชื่อมโยงการตลาดจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง สำหรับในเดือนพฤศจิกายนนี้ รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ภายใต้ชื่องาน “OTOP TO AEC…มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 25 พฤศจิกายน 2558 ระหว่างเวลา 10.00 – 19.00 น. ทุกวัน
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีศักยภาพส่งออกต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 3 – 5 ดาวทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาจัดแสดงและจำหน่ายกว่า 330 รายการ ประกอบด้วย สุดยอดอาหารเลิศรส OTOP ชวนชิม 4 ภูมิภาค การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และพลาดไม่ได้กับไฮไลท์พิเศษภายในงานทั้ง “OTOP สู่ AEC” ที่จะมีการนำเอาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศและได้รับความนิยมจากหลายประเทศทั่วโลกมาแสดงให้คนไทยได้ร่วมภาคภูมิใจ และได้เห็นถึงศักยภาพของภูมิปัญญาไทยที่ก้าวไกลสู่สากล การจัดแสดงการพัฒนาโครงการ “OTOP Next 2.0” ตามที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาและยกระดับสินค้า OTOP ของไทยในระยะต่อไปมาจัดแสดงด้วย
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษอีกมากมายที่จะช่วยพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP ตลอดจนประชาชนที่สนใจ อาทิเช่น การส่งเสริมความรู้ด้านการเจรจาธุรกิจ การตลาด การเงินให้กับผู้ประกอบการและผู้สนใจ จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ การประเมินให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้นำ “ศูนย์บริการร่วมกระทรวงมหาดไทย” มาให้บริการแก่พี่น้องประชาชนที่เข้าเยี่ยมชมภายในงานอีกด้วย โดยจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้บริการสัปดาห์ละ 3 – 4 หน่วยงาน อาทิเช่น กรมการปกครอง บริการทำบัตรประชาชนเคลื่อนที่ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค แจกน้ำดื่มฟรี กรมโยธาธิการและผังเมืองแจกแบบแปลนบ้าน และกรมที่ดินมาแนะนำวิธีการประเมินที่ดิน เป็นต้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงบริเวณพิธีเปิดงาน “OTOP TO AEC…มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล” ได้เดินเยี่ยมชมศูนย์บริการร่วมกระทรวงมหาดไทย และชมการแสดงจาก ทีมไทภูเขียว แชมป์ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 5 พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรและส่งเสริมการใช้สินค้าเกษตรในรูปแบบที่กว้างขวางขึ้น จึงได้มีนโยบายในการจัดโครงการตลาดนัดสินค้าชุมชนข้างทำเนียบรัฐบาลริมคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งในเดือนนี้กระทรวงมหาดไทยได้จัดงาน “OTOP TO AEC…มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล” โดยมุ่งหวังให้ผู้ผลิตสินค้าชุมชน และสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและพบปะกับผู้บริโภคโดยตรง และจะทำให้ผู้ประกอบการ OTOP มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระจายรายได้ในระดับครัวเรือนและระดับชุมชนอีกทางหนึ่ง อีกทั้งสามารถต่อยอดสินค้าเหล่านี้เข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ในปี 2558 ซึ่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้คนไทยทุกคนนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่ประชาชนชาวไทย และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงเสียสละกำลังพระวรกายมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความอยู่ดี กินดีของราษฎรมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญทรงริเริ่มให้มีการฟื้นฟูและพัฒนางานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทรงพระราชทานโครงการศิลปาชีพขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศของแต่ละภูมิภาค ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งประชาชนคนไทยต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม วันนี้บ้านเมืองมีความขัดแย้งหมดทุกภาคส่วน แล้วก็ทำให้เกิดปัญหา ทำไม่ได้ทั้งสิ้น ก็ขอเวลากันให้เข้าใจกันตรงนี้ อย่ามาขัดแย้งกันต่อไปเลย ทุกอย่างกลับมาที่เดิม ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันฝ่าวิกฤติ โดยเฉพาะความความขัดแย้งในประเทศ เราต้องร่วมกันปรับตัวสร้างความเข้มแข็งช่วยให้เกิดความรัก ความสามัคคี และร่วมมือในการแก้ปัญหาบ้านเมืองให้มีความสงบสุข