บิ๊ก “KBS” หนุนเกษตรกร
ปรับตัว “ปลูกอ้อยในนาข้าว”
“อ้อย” จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของไทย และยังเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงด้วย ที่สำคัญมีพ.ร.บ.อ้อยที่คุ้มครองเกษตรกร ลงทุนปลูกอ้อยเพียงครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปได้ไม่น้อยกว่า 3 ปี ในภาวะที่ข้าวประสบปัญหาราคาตกต่ำและชาวนาประสบภาวะแล้ง ไม่สามารถทำนาปลูกข้าวได้ ในโอกาสนี้ทางน้ำตาลครบุรี แนะทางออกให้เกษตรกรปรับตัว หันมาปลูกอ้อยในนาข้าวเพื่อชดเชยปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทน้ำตาลครบุรีจำกัด (มหาชน) หรือ KBS ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี มีโรงงานน้ำตาลครบุรี ตั้งอยู่ที่ ต. จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนานวัตกรรมน้ำตาลหลากหลาย นอกจากนี้ KBS ยังมีนโยบายส่งเสริมองค์ความรู้ตามหลักวิชาการเรื่องการปลูกอ้อยแก่พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
นายอิสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการบริษัทฯเปิดเผยว่า KBS มีนโยบายส่งเสริมกรปลูกอ้อยในนาข้าว ภายใต้ชื่อโครงการ “หมู่บ้านน้ำดี” เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเขตชลประทานแต่สถานการณ์ภัยแล้งและราคาข้าวที่ตกต่ำมาก จึงเริ่มส่งเสริมให้ชาวนาเปลี่ยนจากปลูกข้าวมาปลูกอ้อย เพราะอ้อยนั้นลงทุนปลูกครั้งเดียวก็ไว้ตอได้หลายปี และอ้อยในพื้นที่นายังให้ผลผลิตต่อไร่สูง ไม่น้อยกว่า 15 ตันต่อไร่ อีกทั้งการปลูกอ้อยใช้้นน้ำน้อยมากเนื่องจากท้องนาส่วนใหญ่มีความชื้นอยู่ในดินอยู่แล้ว ที่สำคัญลักษณะความลาดเอียง ความต่ำของดินยังเหมาะสมสำหรับการปลูกอ้อย
สำหรับ “โครงการหมู่บ้านน้ำดี” เป็นโครงการที่โรงงานน้ำตาลครบุรีจัดทำขึ้นเพื่ออสนับสนุนการเปลี่ยนที่นามาปลูกอ้ออย โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องต้นทุนการผลิต ไม่ต้องกังวลเรื่องฝนแล้ง เครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว เนื่องจากโรงงานให้การสนับสนุนเต็มที่และที่สำคัญ ยังทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงกว่าการทำนา
ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการนี้แล้วจำนวน 22 ราย รวมพื้นที่ 278 ไร่ ซึ่งผลการดำเนินงานพบว่า เกษตรกรร้อยละ 98 ประสบความสำเร็จในการปลูกและมีผลผลิตคาดการณ์ไม่ต่ำกว่า 15 ตันต่อไร่ ยกเว้นเกษตรกรเพียงรายเดียวที่ปลูกอ้อยในนาข้าว 5 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิตน้อย เนื่อองจากพื้นที่ปลูกขาดการดูแลจัดการแปลงที่ดีและปลูกไม่ทันระยะเวลาที่กำหนด โดยปลูกล่าช้า หลังเดือนมกราคม ผลผลิตจึงต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้
การส่งเสริมปลูกอ้อยในนาข้าวจะเน้นคัดเลือกพื้นที่ราบที่สามารถระบายน้ำได้ดี หากสภาพพื้นที่ต่ำมากไปจะไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเพราะเสี่ยงเจอปัญหาน้ำท่วมขังในนาข้าวได้ง่าย นอกจากนี้ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะทำให้อ้อยได้ผลผลิตสูงและลดความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมหรือแช่ขัง
นอกจากนี้ KBS ยังดูแลจัดหาเครื่องมือทางการเกษตรและปัจจัยการผลิตเพื่อบริการแก่พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย เช่น รถบรรทุก รถไถ รถตัดอ้อย เครื่องใส่ปุ๋ย เครื่องปลูกอ้อยและช่วยเหลือด้านต้นทุนการผลิตแก่ชาวไร่อ้อยในด้านค่าไถ ค่าปลูกและสนับสนุนองค์ความรู้เเรื่องการปลูกอ้อยมาโดยตลอดเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาสนใจปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น
เกษตรกรที่สนใจร่วมโครงการกับ KBS ต้องมีพื้นที่ปลูกอย่างน้อย 10 ไร่ขึ้นไป หรือเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรอย่างน้อยรายละ 5 ไร่เพื่อให้เป็นแปลงใหญ่ก็ได้
สามารถแจ้งเพื่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการข้อมูล 044-448687