“วราวุธ” รมว.พม. เผย ครม. เห็นชอบใช้งบกลาง จ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด – 6 ขวบ ต่อเนื่อง
“วราวุธ” รมว.พม. เผย ครม. เห็นชอบใช้งบกลาง จ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด – 6 ขวบ ต่อเนื่อง ยืนยัน ปีนี้ ไม่ล่าช้า
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันเดียวกันนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอเรื่องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด สำหรับเด็ก 0 – 6 ปี เดือนละ 600 บาท ซึ่งในช่วงท้ายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยเดือนกันยายนนี้เป็นเดือนสุดท้าย จะเป็นช่วงที่งบประมาณของเราไม่พอ ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าทำไมสำนักงบประมาณถึงไม่ได้ให้งบประมาณมาอย่างเพียงพอนั้น เนื่องจากในแต่ละปีหรือแต่ละเดือนนั้นระดับจำนวนเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จะมีการแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอด โดยเราจะให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี และพอเด็กอายุเกิน 6 ปี จะไม่มีสิทธิได้รับเงินแล้ว ดังนั้นตัวเลขจะเปลี่ยนทุกเดือน หรือแม้แต่อาจจะมีอัตราการเสียชีวิตบ้างที่เด็กยังอายุไม่ถึง 6 ปี ดังนั้นตัวเลขจะมีการอัพเดทกันทุกเดือนทำให้ทางสำนักงบประมาณนั้นไม่สามารถที่จะให้เงินงบประมาณมาพอดี ในแต่ละปีก็จะให้งบประมาณหย่อนเอาไว้นิดหน่อยมาในช่วงสุดท้ายของปีงบประมาณนั้น นับเป็นเรื่องปกติที่ทางกระทรวง พม. จะต้องสรุปตัวเลขล่าสุดเพื่อที่จะนำเสนอของบประมาณ ซึ่งในวันนี้เราจะของบกลางตามที่กระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้เสนอข้อมูล
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดในปีนี้ มั่นใจว่าจะไม่ซ้ำรอยปัญหาปีที่แล้วที่มีการค้างจ่าย หรือว่าจ่ายล่าช้า เพราะว่าปีที่แล้วนั้นเกิดขึ้นจากรอยต่อของรัฐบาลแต่ในปีนี้เรารู้แล้วว่าปีที่แล้วเกิดปัญหาอย่างไร ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ในการดำเนินงานไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนที่มีลูกหลานที่อายุตั้งแต่ 0 – 6 ปี ว่าเงินสนับสนุนรายเดือน จะจ่ายไม่ล่าช้าหรือว่าไม่ตกหล่นแน่นอน ซึ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านของคณะรัฐมนตรีในขณะนี้ ไม่น่ามีปัญหาเพราะว่ารัฐมนตรีท่านใหม่ที่จะเข้ามาเป็นเพียงแค่ส่วนหัว แต่ข้าราชการและกลไกในการทำงานนั้นยังเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม. ได้เห็นชอบตามที่กระทรวง พม. ของบฯ เพิ่มเติมของโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่อไปจะเสนอเรื่องให้ทางสำนักงบประมาณใช้งบกลางมาสนับสนุนในส่วนที่ขาดหายไปได้