‘ธนพิริยะ’ โชห่วยพันธุ์ไทยแท้
รายแรกปักหมุดระดมทุนmai
‘พาณิชย์’ ปลื้มผลักดันธุรกิจค้าส่งค้าปลีกพันธุ์ไทยแท้ “ธนพิริยะ” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สำเร็จ ใส่นามสกุล ‘มหาชน’ อย่างเป็นทางการ กลายเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกไทยแท้รายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ปั้นดินให้เป็นดาวจากทุนตั้งต้น 3 แสน สู่ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ชูแนวคิดความสำเร็จ “ดั้งเดิมผสานสมัยใหม่ เข้าใจความต้องการชาวบ้าน” เตรียมขยายกิจการชิงเค้ก AEC ก้อนโต
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานแสดงความยินดีกับ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ภายในงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี SET in the City กรุงเทพมหานคร 2015 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ว่า “ธนพิริยะ ถือเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกสัญชาติไทยรายแรกที่สามารถเข้าจดทะเบียนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยเริ่มเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา โดยมีราคาเทรดเริ่มต้นที่ 1.75 บาทและปิดที่ 1.90 บาท
“ธนพิริยะ ถือเป็นความภาคภูมิใจของกระทรวงพาณิชย์ที่มีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในการส่งเสริมเติบโตอย่างยั่งยืน จนสามารถเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งสอดพ้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งจากภายในเชื่อมต่อกับโลก เพื่อนบ้านใน AEC อย่าง CLMV และธนพิริยะ เป็นตัวอย่างของSME ที่ดี เป็นบริษัทแรกในระดับภูมิภาคที่เข้าจดทะเบียนในตลาดmai ได้
ความสำเร็จนี้เป็นผลจากความมุ่งมั่นของบริษัทต้องการให้กิจการเติบโตอย่างยั่งยืน มีระบบการบริหารจัดการเป็นมาตรฐานสากล มีธรรมาภิบาล โปร่งใส เชื่อถือได้ ตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นอย่างดีในการช่วยวางระบบต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้า จดทะเบียนฯ”
ดร.สุวิทย์กล่าวต่อว่า “กระทรวงพาณิชย์ได้สร้างความเข้มแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานมาโดยตลอด เพราะระบบค้าปลีกค้าส่งมีความสำคัญ ทำหน้าที่เชื่อมผู้ผลิต SMEs กับผู้บริโภค ส่งเสริมให้มีการผลิตอย่างทั่วถึงและราคาเข้าถึงได้ ทำให้ผู้ผลิตอยู่ได้ ผู้บริโภคก็อยู่ได้
ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีบทบาทอย่างมาก ถอดระหัสนโยบายออกมา ทำให้กรมฯมีหน้าที่ไม่ใช่แค่การจดทะเบียนธุรกิจ แต่ร่วมมือกับภาคีอื่น ๆ รวมตลาดหลักทรัพย์และพัฒนาSMEs แฟรนไชส์ค้าปลีกค้าส่งให้พัมนาตัวเอง ทำงานเชิงเครือข่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีบทบาทสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ เป็นมิติใหม่ของการทำงานภาครัฐอย่างบูรณาการเชื่อมต่อกับภาคเอกชน ซึ่งจะเชื่อมต่อภูมิภาคและ สู่ AEC ต่อไป และนี่เป็นจุดแรกของการเริ่มต้น ซึ่งต้องขอบคุณทางตลาดหลักทรัพย์mai มาก”
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการใช้ประโยชน์จากตลาดทุนในการเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อการเติบโต และสนับสนุน SMEs ซึ่งมีเป็นจำนวนมากในประเทศให้มีคุณภาพพร้อมเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ส่งผลต่อความเข้มแข็งและยั่งยืนของเศรษฐกิจประเทศต่อไป อนาคตธนพิริยะอาจเป็นอาจารย์สอน SME รายอื่นพัฒนาตาม ซึ่งการจดทะเบียนในตลาดmai ได้ต้องเป็นบริษัทที่ดี อยู่ในชุมชนต้องมีการดูแลชุมชน ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของท่านด้วย ”
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวว่า จุดที่คิดว่า ทำให้ธนพิริยะประสบความสำเร็จคือ การให้ความสำคัญกับระบบควบคุมภายใน มีความเชื่อในการบริหารจัดการต่าง ๆ ต้องจ้างมืออาชีพมาทำ ซึ่งเวลานี้มีบริษัทที่พร้อมจ่อคิวเข้าตลาดยังมีอีกมากกว่า 20 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่ไปขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้
นอกจากนี้กรมฯยังมีการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจภายในประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำและกระจายความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Local Economy ของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้อยู่ได้และมีความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ไขความสำเร็จในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่งคงและยั่งยืน
“เวลานี้มีร้านค้าปลีกค้าส่งต้นแบบอยู่ 88 แห่งใน 55 จังหวัด มีเครือข่ายขยายเป็น 10,000 ราย ในปี 2558 นี้มีเพิ่มเป็น 100 รายและจะขยายเครือข่ายให้ได้ 14,000 รายในเขตจังหวัดชายแดน”
อนึ่งสำหรับประวัติของ “ธนพิริยะ” ก่อตั้งในปี 2508 ใช้ชื่อ “โง้วทองชัย” ต่อมาในปี 2534 ได้พัฒนาเป็นมินิมาร์ท ชื่อว่า “พิริยะซุปเปอร์” และได้จดทะเบียนเป็น “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนพิริยะ” ในปี 2543 ด้วยทุนจดทะเบียน 3 แสนบาท
ปี 2555 เข้ารับการส่งเสริมด้านการบริหารจัดการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อรับการพัฒนาอย่างครบวงจร การยกระดับการบริหารจัดการ และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรส่งเสริมการตลาด และได้แปรสภาพเป็นบริษัท ธนพิริยะ จำกัด ก่อนเตรียมความพร้อมเพื่อแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป โดยมีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2558 ได้แปรสภาพเป็นบริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความตั้งใจจริงในการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างร้านค้าปลีกดั้งเดิมกับโมเดิร์นเทรดสมัยใหม่ที่ลงตัวที่สุด คือ ราคาที่คุ้มค่าแบบโมเดิร์นเทรด มีความสะดวกสบายแบบร้านสะดวกซื้อ ผสมกับการบริการที่เป็นกันเองแบบพี่น้อง สรรหาสินค้าที่เป็นที่ต้องการของชาวบ้านหรือมีความเข้าใจในการใช้ชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ร้านธนพิริยะเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจังหวัดเชียงราย
ปัจจุบันร้านธนพิริยะมีร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต 12 สาขา ศูนย์ค้าส่ง 1 สาขา จำหน่ายสินค้าทั้งปลีกและส่ง โดยในปี 2559 หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะดำเนินการขยายศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่ง และขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา สำหรับปี 2558นี้ ยอดขายเติบโต 1,200 ล้านบาท