กรมพัฒน์ฯประกาศกร้าว
เอาผิด ‘ธุรกิจทุนเท็จ’ จริงจัง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบธุรกิจปี 58 พบร้อยละ 5 ใน 300,000 ราย กระทำผิดกฎหมายบัญชี ติดหมายเหตุแจ้งประชาชนไปแล้วเป็นหมื่น เตือน…หยุดความคิดจดทะเบียนธุรกิจเพื่อหลอกลวงสังคม เพราะปี 59 กรมฯ ตรวจเข้มเอาจริงกว่านี้ พร้อมลงโทษและเผยแพร่นิติบุคคลที่กระทำผิดผ่านหมายเหตุในหนังสือรับรองให้สังคมช่วยตัดสิน ชี้โทษสูงสุดทำผิดกฎหมายบัญชี คือ คุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า นอกจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีภารกิจสำคัญในด้านการให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแล้ว ภารกิจอีกด้านหนึ่งที่กรมฯ ได้ดำเนินการควบคู่กันไปอย่างเข้มข้นคือ ‘ด้านธรรมาภิบาลธุรกิจ’ ซึ่งเป็นการสอดส่องดูแลให้ธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน และท้ายที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติในวงกว้าง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมฯ เดินหน้าให้ความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ประกอบการและตรวจสอบความถูกต้องอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2558 ได้ดำเนินการตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของธุรกิจจำนวน 300,000 ราย พบว่า มีธุรกิจกว่าหมื่นรายหรือร้อยละ 5 กระทำการผิดกฎหมายไม่ส่งบัญชีและเอกสารให้ ตรวจสอบตามที่กรมฯ ร้องขอ ซึ่งพฤติกรรมลักษณะนี้จะต้องติดบัญชีรายชื่อผู้กระทำผิด (Black List) เพื่อติดตามการกระทำอย่างใกล้ชิดในปีต่อไปและได้รับโทษทางกฎหมาย สำหรับโทษสูงสุดของการกระทำผิด กฎหมายบัญชีคือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“แม้จำนวนผู้กระทำผิดในปี 2558 อาจดูเหมือนมีสัดส่วนไม่สูงมากนัก แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่า ธุรกิจที่กระทำผิดส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ ‘ทุนเท็จ’กล่าวคือ การจดทะเบียนในทุนสูงแต่ไม่มีเงินเข้ามาดำเนินในกิจการจริง หรือการนำเงินจากแหล่งผิดกฎหมายมาฟอกเงินโดยใช้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจบังหน้า และการเข้ามาประมูลงานหรือรับค่านายหน้าจากโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ ของภาครัฐ ซึ่งในปี 2559 กรมฯ จะเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อขจัดธุรกิจที่มีการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบนี้ โดยเน้นการตรวจสอบบัญชี และงบการเงินของธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันธุรกิจที่ประสงค์จะจดทะเบียน ลักษณะนี้จะต้องแสดง Bank Statement ต่อนายทะเบียนเพื่อยืนยันสถานะทางการเงินด้วยเพื่อยืนยันความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ” อธิบดีกล่าว
อย่างไรก็ดี นิติบุคคลที่กรมฯ ตรวจพบว่ากระทำผิดกฎหมายจะ ‘ต้องถูกระบุในหมายเหตุ’ ท้ายหนังสือรับรองเพื่อเตือนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้ที่ใช้งบการเงินของนิติบุคคลได้พึงระวังและพิจาณาถึงความน่าเชื่อถือของธุรกิจเหล่านั้น โดยที่ผ่านมามีนิติบุคคลที่ถูกระบุในหมายเหตุไปแล้วกว่าหมื่นราย สำหรับนิติบุคคลรายใดที่ประสงค์จะให้กรมฯ นำหมายเหตุดังกล่าวออกไป จำเป็นต้องส่งบัญชีและเอกสารตามที่กรมฯ ได้เคยเรียกให้ครบถ้วน กรมฯจึงจะสามารถดำเนินการให้ได้
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบหมายเหตุได้จากเว็บไซด์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หัวข้อ “คลังข้อมูลธุรกิจ” และ Application DBD e-Service โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ