TMB แนะจับตาจีดีพีจีน-น้ำมัน
สหรัฐฯ-อียูเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics แนะจับตาตัวเลขจีดีพีของจีนในวันอังคาร(19ม.ค.59)นี้และทิศทางราคาน้ำมันหลังสหรัฐฯและสหภาพยุโรป(อียู)ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน มองสัปดาห์นี้การลงทุนยังอยู่บน sentiment มากกว่าปัจจัยพื้นฐานและค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ 36.2- 36.5 THB/USD ชี้หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้เกิน 6.8% จะช่วยลดความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
เวบ-www.linkedin.com
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกยังผันผวนจากราคาน้ำมันที่ยังตกต่ำต่อเนื่อง โดย ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงถึง -12.90% ในสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ระดับ 29.23 USD/BBL ต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี จากความกังวลกับปริมาณน้ำมันที่จะล้นตลาดหลังจากอิหร่านจะได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตรในช่วงนี้ แม้ช่วงกลางสัปดาห์ตัวเลขการค้าของจีนจะออกมาดีกว่าคาด จากการส่งออกจีนเริ่มดีขึ้นด้วยตัวเลขดุลการค้าของจีนที่เพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้
ขณะที่ตัวเลขส่งออกและนำเข้าออกมาลบน้อยกว่าคาดเช่นกันที่ระดับ -1.4% และ -7.6% ตามลำดับ แต่ก็ยังไม่สามารถลบความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำได้ ส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงทั้งหมด โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัว -2.3% นิเคอิญี่ปุ่น -3.1% แด๊กซ์เยอรมัน -3.2% และเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่ -3.55% ด้าน SET Index ปิดสัปดาห์ที่ระดับ 1,245 จุด ปรับตัวลง 0.13% จากสัปดาห์ก่อน โดยที่แรงขายหลักยังมาจากนักลงรายย่อยและนักลงทุนต่างประเทศที่ขายหุ้นไทยถึง 1,325 ล้านบาทและ 3,714 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อในกรอบที่ 36.27-36.31 THB/USD โดยเป็นการปรับอ่อนค่าตามสกุลเงินเอเชียแม้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษก็ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย โดยมีมติ 8 ต่อ 1 ให้คงอันตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% และคงปริมาณ QE ที่ 3.75 แสนล้านปอนด์ต่อไปก็ตาม
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับลงไปอยู่ที่ระดับ 2.03% (-10bps) จากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ และยอดค้าปลีกในสหรัฐฯที่ปรับตัวลงลง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้จากปริมาณการซื้อปลีกน้ำมันที่ลดลงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีปรับลงไปอยู่ที่ระดับ 2.48% จากปัจจัยราคาน้ำมันและสภาพคล่องในประเทศที่ยังสูงอยู่
สัปดาห์นี้ (18 – 24 มกราคม 2559) ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี มองว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของจีนที่จะรายงานออกมาในวันอังคารนี้จะเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุด โดยหากยังรายงานการขยายตัวได้เกินกว่า 6.8% น่าจะส่งผลให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลดลงไปบ้าง อีกทั้งผลจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะยังคงกดดันภาวะราคาน้ำมันต่อเนื่อง โดยจังหวะการลงทุนสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรให้ความสนใจประเด็นหลักๆ ดังนี้
- จันทร์ – ทิศทางราคาน้ำมันจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯและสหภาพยุโรป
- อังคาร – ทางการจีนจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของจีนซึ่งคาดว่าจะรายงานออกมาที่ระดับ 6.8% ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย
- พุธ – อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ คาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า จากราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวลดลงแม้ราคาค่ารักษาพยาบาลในประเทศจะปรับตัวขึ้น
- พฤหัส – คาดการประชุมธนาคารกลางยุโรปจะยังไม่มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม และคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% และคงปริมาณการทำ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
ในช่วงสัปดาห์นี้ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่าค่าเงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบ 36.2 ถึง 36.5 THB/USD โดยควรระวังแรงขายบาทต่อหากตัวเลขจีดีพีของจีนรายงานออกมาแย่กว่าที่คาด ในขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีจะอยู่ในกรอบ 2.45-2.60% ทั้งนี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ ยังไม่เห็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำมันในระยะสั้นและคาดว่าราคาน้ำมันจะซื้อขายในกรอบ 25-35 USD/BBL มีแรงกดดันมากจากการที่สหรัฐฯและสหภาพยุโรปยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ทำให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้งหนึ่ง
โดยสรุป ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ยังมองการซื้อขายในสัปดาห์นี้ว่าจะถูกขับเคลื่อนจาก sentiment และความกังวลของตลาดต่อเนื่องจากต้นปี ส่งผลให้ตลาดการเงินยังมีความผันผวนค่อนข้างสูงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานเพียงเล็กน้อย โดยต้องระวังผลของการประกาศตัวเลขจีดีพีของจีนและการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเป็นหลัก