ธ.กรุงเทพปี58 สินเชื่อโต4.9%
มีกำไรสุทธิกว่า 3.4 หมื่นล้าน
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2558 จำนวน 34,181 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับปี 2557 อย่างไรก็ดีธนาคารมีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 102,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 4.9% และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 45,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 2.8% ซึ่งอยู่ในระดับบริหารจัดการได้
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินงานว่า ในปี 2558 เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากผลกระทบของภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะจีน การลงทุนและการบริโภคของภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัญหาภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่ภาครัฐได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาสภาพเศรษฐกิจและได้เร่งดำเนินการตามแผนการลงทุน
นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,868,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86,670ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 จากสิ้นปีก่อน โดยเติบโตจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายกลาง สินเชื่อลูกค้าบุคคล และสินเชื่อกิจการธนาคารต่างประเทศ
ธนาคารยังคงเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมพร้อมทั้งให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเสมอมา ส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 56,226 ล้านบาท ลดลงจาก ณ สิ้นเดือนกันยายน2558 ที่ 58,112 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ร้อยละ 2.8 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน2558
ธนาคารยึดหลักความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญอย่างสม่ำเสมอ สำหรับปี 2558 ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 14,654 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ร้อยละ 5.6
ด้านสภาพคล่อง ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558จำนวน 2,090,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32,186 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.6จากสิ้นปี 2557 โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ89.4 ณ สิ้นปี 2558 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 86.6 ณ สิ้นปีก่อน เนื่องจากเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินรับฝาก ในขณะที่สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินรับฝากรวมอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 43.4 ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญเรื่องการบริหารสภาพคล่องควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ทั้งนี้ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 34,181ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 57,510 ล้านบาท ลดลง 1,487 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.5 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงร้อยละ 0.21 เป็นร้อยละ 2.16 ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงร้อยละ 0.50 ในครึ่งแรกปี 2558 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในปี 2558 มีจำนวน 45,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,359 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.4 ส่วนใหญ่มาจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และกำไรสุทธิจากเงินลงทุน
สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจำนวน 24,071ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,345 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.8 จากปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากค่าบริหารกองทุนรวม ค่าธรรมเนียมการรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารทางการเงิน และค่าธรรมเนียมรับจากเงินให้สินเชื่อ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 45,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,958ล้านบาท หรือร้อยละ 4.5 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็นร้อยละ 43.8
ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยหากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวดกรกฎาคมถึงธันวาคม 2558 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.7 ร้อยละ 16.6 และร้อยละ16.6 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 361,832 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.7 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 189.56 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 20.09 บาท จากสิ้นปี 2557