“ดี เวลฯ” มอง59อสังหาฯโต5%
เน้นทำตลาดออนไลน์-ชี้ถูก3เท่า
“ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด” ฉายภาพอสังหาฯปี 59 ตลาดโตขึ้น 5% และราคาที่ดินในปัจจุบันมีการปรับราคาสูงขึ้น แจง “Digital Strategy” คือ กลยุทธ์สำคัญ เตรียมแผนสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อดิจิตัลเพิ่มในปีนี้ ชี้ค่าใช้จ่ายด้านสื่อดิจิตัลถูกกว่าด้านออฟไลน์ทั่วไปถึง 3 เท่า เชื่อมั่นในตลาดที่ทำว่าจะปิดการขายและโอนได้ตามยอดที่ตั้งไว้รวม ทั้งย้ำจุดแข็งด้านการออกแบบและสร้างคอนโดฯ ให้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า เน้นจับตลาดระดับกลางบน เล็งเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 2 ทำเล มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,200 ล้านบาท
นายถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด วิเคราะห์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครว่า ในช่วงปลายปี 2558 ถึงปี 2559 นี้ อยู่ในภาวะทรงตัว และในปี 2559 จะมีการเติบโตได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากกำลังซื้อหดหายไปบ้างและราคาที่ดินปรับสูงขึ้นในปีนี้ โดยบางทำเลมีอัตราเติบโตสูงถึงสองเท่าตัว จึงเป็นปีที่ท้าทายขึ้น ตลาดในเมืองนอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่แล้วยังมีกลุ่มนักลงทุนรายใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางต้องเตรียมพร้อมรับมือโดยการหานวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ เช่น ดีไซน์ที่ทันสมัย การออกแบบที่ตรงกับความต้องการ และวิธีการสื่อสารให้เข้าถึงลูกค้าเพื่อให้ทันกับโลกออนไลน์ในปัจจุบันที่กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ตลอดดังนั้นการสื่อสารควรจะรวดเร็ว ชัดเจนและถูกต้อง
ทั้งนี้ ดีเวล แกรนด์ แอสเสท เป็นนักพัฒนาอสังหาฯรายกลางที่จัดเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาในตลาดอสังหาฯด้วยผลงานคอนโดสุดหรู ย่านสุขุมวิทถึง 2 โครงการ คือ D’65 สุขุมวิท 5 และ D’25 ทองหล่อ 25 และโครงการบ้านเดี่ยว D’Habitat บนถนนราชพฤกษ์ และยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อบริษัทฯ ให้เติบโตในสายธุรกิจอสังหาฯ ต่อไป
นายถวนันท์กล่าวว่า บริษัทซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2552 มีการเติบโตอย่างน้อย 10% ต่อปี โดยปัจจัยที่สร้างความสำเร็จมาจาก ความสามารถจัดกลุ่มลูกค้าได้ถูกต้อง การนำหลักการบริหารและด้านการตลาดของธุรกิจอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน การมีดีไซน์ที่โดนใจลูกค้า โดยจะเน้นการทำให้ชอบและให้มีราคาที่สามารถจ่ายได้
กลยุทธ์การทำตลาดในปี 2559 จะเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมสำหรับตลาดกลางถึงตลาดบนเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการอยู่อาศัยจริง เป็นตลาดที่เป็นส่วนใหญ่ของลูกค้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศทั้งหมด นอกจากนี้ในปี 2559 ยังมองว่า ลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเก็งกำไรจะหดหายไปเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ไม่ได้เอื้อให้มีการมาเก็งกำไรตรงนี้
“จากเหตุดังกล่าวทำให้ลูกค้าในปี 2559 ถึงแม้ว่าจะเหลือน้อยลง แต่จะเป็นลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง เป็นลูกค้าตัวจริง ต้องการที่จะซื้อและจะโอน ซึ่งบริษัทฯจะเน้นการขายหมดเมื่อสร้างเสร็จ ลูกค้าต้องโอนให้หมดและโอนให้เร็ว นอกจากนี้บริษัทฯยังทำหน้าที่เป็น Financial Checkup ให้กับลูกค้า นัดลูกค้ามาพบกับธนาคารใน 6 เดือนก่อนการโอน ให้ความสะดวกแก่ลูกค้าในการโอน ดูว่าภาระในการโอนของลูกค้าเป็นอย่างไรบ้าง”
โครงการที่จะขายในปี 2559 นี้ คือ โครงการ ดี ฮาบิแทท ราชพฤกษ์บ้านเดี่ยวดีไซน์โดดเด่น จำนวน 56 ยูนิต ส่วนคอนโดมิเนียมมีขายต่อเนื่อง 2 โครงการคือ โครงการ ดี เมโมเรีย พหลโยธิน ซอย 8 คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 123 ยูนิต มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่เปิดขายมาในปี 2558 และปลายปี2559 นี้จะโอนได้
ส่วนโครงการ ดีมูระ รัชโยธินคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 8 ชั้น บนถนนพหลโยธิน ซอย 34 จำนวน 216ยูนิต ราคา 75,000 บาทต่อตารางเมตร เริ่มต้นที่ 1.83 – 4.00 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 500 ล้านบาท ขายแล้ว 70% คิดว่าน่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนได้ปลายปี 2559 นี้เช่นกัน โดยโครงการนี้มีจุดเด่นตรงที่มีอาคารคลับเฮ้าที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางคุณภาพขนาดใหญ่ขึ้นด้วยกว่า 1,000 ตารางเมตรอย่าง“Black BoxSocial Club” ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชอบเข้าสังคมด้วย Co-working Space และRecreation &Entertainment Area พื้นที่ทำงานขนาดใหญ่และศูนย์รวมความบันเทิง ซึ่งปัจจุบันลูกค้าที่เป็นเจ้าของห้องสามารถเข้ามาใช้บริการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้อาคารส่วนที่พักอาศัยแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ในปี 2559 นี้ ทางบริษัทดีเวลฯจะให้ความสำคัญกับการตลาดดิจิทัลแบบเต็มตัว ทั้ง Facebook ,IG และ LINE เพี่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเป้าหมาย โดยจะไม่สื่อสารแค่คุณลักษณะของตัวโครงการแต่จะเพิ่มในส่วนของการทำ Content ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ให้มากขึ้น สำหรับการสร้างชุมชนของคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องงานออกแบบศิลปะ และ เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งนายถวนันท์ย้ำว่า ค่าใช้จ่ายในการขายผ่านสื่อดิจิตอลถูกกว่าสื่อทั่วไปหรือออฟไลน์ถึง 3 เท่าตัว และเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามา
ขณะเดียวกันในปี 2559 นี้ทางดีเวลฯยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 2 แห่ง มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาทด้วย ประกอบด้วย ไตรมาสที่2 โครงการ Urban Home เลียบทางด่วนเอกมัย- รามอินทรา มูลค่า 500 ล้านบาท และไตรมาสที่4 เปิดตัวคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ ทำเลพหลโยธิน มูลค่า 700 ล้านบาท
นอกเหนือจากนี้ยังเน้นการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯเป็นหลัก โดยเฉพาะกรุงเทพฯตอนเหนือที่มีการเติบโต ชุมชนพร้อมขยายตัว และเป็นโซนที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ได้ให้ความสนใจเช่นกัน