สนช.ผนึกทอท.เสริมศักยภาพ
ส่งเสริมนวัตกรรมอุตฯการบิน
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ลงนามความร่วมมือส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการบิน ปูทางไทยศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางอากาศอาเซียน หนุนเศรษฐกิจโต ร่วมกำหนด 6 รูปแบบการพัฒนาและบริการอุตฯการบิน รวม สร้างประสบการณ์ในการเดินทาง ดูแล-รักษาความปลอดภัย บริหารจัดการนวัตกรรมท่าอากาศยาน บริหารจัดการพลังงาน การเข้าถึงสนามบินและการบริหารจัดการพื้นที่
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณการขนส่งทางอากาศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทอท.ในฐานะผู้ให้บริการท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่งของประเทศไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของนวัตกรรม เพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี ดังนั้น ทอท.จึงร่วมมือกับ สนช.ในการส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมให้กับองค์กรเพื่อให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมในการสรรสร้างนวัตกรรม ก่อให้เกิดการจัดการนวัตกรรมแบบบูรณาการ ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการเติบโตที่ยั่งยืน
รูปแบบการพัฒนาการบริการดังกล่าวจะนำไปสู่กิจกรรมหลักๆ ที่จะขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมสำหรับท่าอากาศยาน คือ (1) การขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดการรังสรรค์นวัตกรรมบริการรูปแบบใหม่ (Service Innovation) ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการของผู้โดยสารและสายการบินต่างๆ ที่มาใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเพิ่มคุณภาพการบริการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้โดยสารและสายการบิน (2) การยกระดับความสามารถทางนวัตกรรม (Innovation Capabilities) โดยการฝึกอบรมพนักงานให้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมร่วมกับหน่วยงานวิจัยที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้เพื่อพัฒนาการให้บริการของท่าอากาศยาน
(3) การดำเนินโครงการสร้างโอกาสและเชื่อมโยงธุรกิจนวัตกรรมไทย (Business Opportunity) ผ่านท่าอากาศยานสำคัญของไทย เพื่อรองรับการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมทั้งการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมของไทยให้มีโอกาสใช้ช่องทาง ทอท.ในการเผยแพร่และแนะนำสินค้านวัตกรรมของไทยให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ (Thailand Innovation Showcase @ AOT)
นอกจากนั้น ยังสามารถจัดเป็นโครงการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ทางนวัตกรรมให้เชื่อมโยงกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Innovation Networking Zone) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการขนส่งเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายและการให้บริการให้มีมาตรฐานสนับสนุนบริการขนส่งมวลชนและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
ด้านดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สนช. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้าง “วัฒนธรรมนวัตกรรม” และส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศด้านนวัตกรรมขึ้นภายในประเทศ โดยได้ส่งเสริมให้หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ รวมทั้ง รัฐวิสาหกิจของไทยที่มีบุคคลากรคุณภาพและเข้มแข็ง ได้เข้ามาร่วมสร้างแนวคิดและนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศทางนวัตกรรม อันจะช่วยส่งเสริมให้กิจการของรัฐมีโครงสร้างในการดำเนินงานทางนวัตกรรมที่ชัดเจน ไม่เฉพาะเพียงแค่การอบรมทั่วไปแต่เป็นการนำกระบวนการทางนวัตกรรมมาใช้เพื่อเร่งความสามารถของบุคคลกรให้สามารถคิดค้นและสร้างสรรค์ผลงานที่สอดคล้องและเหมาะสมกับธุรกิจและเป็นที่พึงพอใจสำหรับผู้รับบริการและที่สำคัญคือการส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมนี้ยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการนำงานวิจัยจากภายในประเทศมาสร้างประโยชน์ และนำไปสู่การส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรม
ทั้งนี้อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ถือเป็นหนึ่งในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอนาคต (Thailand’s New S-Curve) และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์รัฐบาล เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมนี้ จึงมีส่วนช่วยให้การบริการในอุตสาหกรรมการบินและภาคขนส่งสามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจใหม่ที่เกิดจากการร่วมรังสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่และบริการใหม่สำหรับผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน สายการบินในประเทศและต่างประเทศ ชุมชนหรือพื้นที่บริเวณโดยรอบ ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยว ร้านค้าจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
สำหรับโครงการความร่วมมือนี้ สนช. และ ทอท. ได้ร่วมกันกำหนด 6 รูปแบบการพัฒนาและการบริการอุตสาหกรรมการบิน ได้แก่ 1) การสร้างประสบการณ์ในการเดินทาง 2) การดูแลและรักษาความปลอดภัย 3) การบริหารจัดการนวัตกรรมท่าอากาศยาน 4) การบริหารจัดการพลังงาน 5) การเข้าถึงสนามบิน และ 6) การบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินกิจกรรมหลักที่จะสร้างให้เกิดขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมสำหรับท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
นายนิตินัย กล่าวในตอนท้ายว่า การร่วมมือระหว่าง ทอท.และ สนช.ในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นในการพัฒนาและส่งเสริมทางด้านนวัตกรรม อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ของประเทศเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในด้านการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)