ไฟเขียวต่างชาติเพิ่ม 32 ราย
ลงทุนไทยรวม165 ล้านบาท
บอร์ดต่างด้าวไฟเขียวต่างชาติอีก 32 ราย ลงทุนในไทยเดือนก.พ. 2559 ส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง มีเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจกว่า 165 ล้านบาทและเกิดการจ้างงานคนไทยเพิ่ม 200 คน ระบุธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ เป็นธุรกิจที่มีการนำเงินลงทุน เข้ามาจำนวนสูงที่สุดถึง 46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28 ลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตามด้วย ธุรกิจบริการให้บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม มีเงินลงทุน 38 ล้านบาท
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าว 32 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าว จากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 165 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทยเพิ่มอีก 200 ราย
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่
1. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม จำนวน 9 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 38 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ และให้เช่าพื้นที่อาคาร โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์
2. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า และคู่ค้า จำนวน 5 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 27 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการรับจ้างออกแบบ ติดตั้ง และวางระบบ โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์
3. ธุรกิจบริการเป็นสำนักผู้แทน จำนวน 10 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 30 ล้านบาท เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การลงทุนให้สำนักงานใหญ่ และเป็นการให้คำแนะนำ และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของสำนักงานใหญ่และบริษัทในเครือ โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
4. ธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ จำนวน 4 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 46 ล้านบาท ได้แก่ บริการจัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบสายส่ง/เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง รวมทั้งอะไหล่และอุปกรณ์ที่ใช้กับ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ให้แก่ กฟผ. และบริการฝึกอบรม ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยในการสำรวจ ขุดเจาะปิโตรเลียม ให้แก่ ปตท. โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
5. ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 3 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 21 ล้านบาท ได้แก่ การค้าปลีกแม่พิมพ์ และอุปกรณ์เสริม ชิ้นส่วนทดแทนอะไหล่ โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์
6. ธุรกิจค้าส่ง จำนวน 1 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 3 ล้านได้แก่ การค้าส่งเม็ดพลาสติก โดยเป็นคนต่างด้าวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ เป็นธุรกิจที่มีการนำเงินลงทุน เข้ามาจำนวนสูงที่สุดถึง 46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28 ซึ่งเป็นการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ได้แก่ ระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และระบบความปลอดภัยในการสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม เป็นต้น
สำหรับจำนวนการอนุญาตนั้น มีธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 912 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 85 เนื่องจากในเดือนมกราคม 2559 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดการศูนย์ออกกำลังกายที่มีการลงทุนสูง และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ปรากฏว่า ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจำนวน 6 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 16 และมีเงินลงทุนลดลง 646 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80