มูลนิธิข้าวไทยร่วมสนช.-สอว.
ชวนประกวด “นวัตกรรมข้าว”
มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สนช. และ สอว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจัด “การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2559” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลงานนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ “ข้าวไทย” ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ช่วยให้แข่งขันได้และสร้างโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจ กว่า 10 ปี สนช. หนุนผู้ประกอบการไทยทำนวัตกรรมจากข้าวไปแล้ว มากกว่า 50 โครงการ มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 390 ล้านบาท ปีนี้เริ่มรับสมัคร 1 เม.ย.- 31 ก.ค.2559
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สนช. ได้ร่วมกันจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทยเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันซึ่งก้าวสู่ปีที่ 10 เพื่อคัดเลือกผลงานนวัตกรรมข้าวไทยที่มีความโดดเด่นและมีศักยภาพสูงในการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต ซึ่งที่ผ่านมามีผลงานนวัตกรรมข้าวไทยส่งเข้าประกวดรวมทั้งสิ้นกว่า 340 ชิ้น และมีผลงานที่ได้รับรางวัลจำนวน 43 ผลงาน แบ่งเป็นผลงานด้านอาหาร 25 ผลงาน และผลงานที่ไม่ใช่อาหาร 18 ผลงาน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสนใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าข้าวในประเทศมีเพิ่มขึ้นมาก จึงไม่แปลกที่จะเห็นผลิตภัณฑ์ข้าวใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันคนไทยเริ่มตื่นตัวมากขึ้นกับการคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะจากข้าว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีมากและควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เพิ่มขึ้น เพื่สร้างเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งและยั่งยืน
รางวัลสำหรับการประกวดแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยใช้เกณฑ์การตัดสินความเป็นนวัตกรรมของผลงาน การสร้างมูลค่าเพิ่มของข้าวไทย และศักยภาพในการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับโล่พระราชทานจากสมเด็นพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 80,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และอันดับสองได้เงินรางวัล 40,000 บาท และ 20,000 บาท ตามลำดับ และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 กรกฎาคม 2559
ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสนช. กล่าวว่า สนช. วางเป้าหมายในการยกระดับข้าวในเชิงพาณิชย์ ซึ่งต่อไป “ข้าวไทย” จะไม่ใช่เพียงสินค้าโภคภัณฑ์เท่านั้น แต่จะเป็นสินค้าเฉพาะที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมาก และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยที่ผ่านมา สนช. มุ่งเน้นผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมในข้าวให้ก้าวสูงขึ้นด้วยการพัฒนาธุรกิจใหม่บนฐานความรู้ และการใช้นโยบายนวัตกรรมข้าวไทยในเชิงรุกผ่านการสนับสนุนโครงการนวัตกรรมของ สนช. ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 10 ปี สนช. ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ทำนวัตกรรมจากข้าวไปแล้ว มากกว่า 50 โครงการ มูลค่าการสนับสนุนประมาณ 50 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 390 ล้านบาท
การดำเนินแนวทางประชารัฐที่มีบูรณาการร่วมกันระหว่าง สนช. ผู้ประกอบการ และเกษตรกรไทย จะสามารถเร่งรัดให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมข้าวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการพัฒนาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มสูงนั้น ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะกระจายไปในทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบการ เกษตรกร ชาวนาผู้ปลูกข้าว ดังนั้น โอกาสทางเศรษฐกิจที่เราสามารถแข่งขันได้ ก็คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีโอกาสขยายตัวสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ในกลุ่มของอาหารสุขภาพ กลุ่มอาหารเพื่อความสะดวกสบาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและยา ซึ่งหากมีการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้กับผลผลิตด้านการเกษตร มีสินค้านวัตกรรมที่พัฒนาจากข้าวไทยที่หลากหลายต่อเนื่อง ย่อมเกิดการสร้างธุรกิจใหม่ ตลาดใหม่ และแหล่งรายได้ใหม่ที่มากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้เกษตรกรมีโอกาสลดความผันผวนของราคาข้าวได้มากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องขายในรูปของข้าวสารเพียงอย่างเดียว เป็นการสร้างทางเลือกในการจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกรไทยได้อีกด้วย
ด้าน นางสาวทิพวัลย์ เวชชการัณย์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่เปิดเผยว่า สอว. เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีบทบาทและภารกิจหลักในการสนับสนุนอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการวิจัยเพื่อกระตุ้นการทำวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน รวมถึงการสร้างผู้ประกอบการฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีของผู้ประกอบการ และการผลักดันงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์ โดยหนึ่งในอุตสาหกรรมมุ่งเน้นของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ได้แก่ อุตสาหกรรมข้าว ซึ่งได้มีการพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 โดยในปัจจุบันมีเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 13 มหาวิทยาลัย และมีแผนงานการมุ่งเน้นงานวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมข้าวตลอดห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม ดังนั้น จึงได้เข้าร่วมในการสนับสนุนการเฟ้นหาผลงานนวัตกรรมข้าวส่งเข้าร่วมการประกวดในปีนี้เป็นปีแรก นับเป็นโอกาสอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสนับสนุนและเชิดชูผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมข้าวภายใต้การดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางให้ผู้เข้าร่วมประกวดรายอื่นได้ทราบถึงบทบาทและความสำคัญของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคที่มีศักยภาพและพร้อมให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่สนใจในอนาคต