‘สวทช.-ท็อปส์’ เปิดนวัตกรรม
‘ถุงหายใจได้’ ช่วยผักสดนาน
เป็นที่กล่าวถึงกันโดยทั่วไปว่า “นวัตกรรม” จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ ล่าสุด กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สวทช. โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ร่วมกับบ. เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์และท็อปส์ เปิดตัว “Active PAKTM ถุงหายใจได้” นวัตกรรมที่ช่วยให้ผักอร่อยสดนานขึ้น ด้วยเทคโนโลยี EMA สร้างสมดุลบรรยากาศในบรรจุภัณฑ์ ช่วยคงความสด อร่อยนาน 2-5 เท่า ลดการสูญเสียผักได้ราว 7-8% กลายเป็นซูเปอร์มาเก็ตเจ้าแรกที่นำนวัตกรรมนี้ใช้ใน 181 สาขาทั่วไทย
ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ศูนย์เอ็มเทค มีหน้าที่หลักในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยออกไปใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสร้างคุณค่าให้แก่สังคม โดย “โครงการนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์แบบยั่งยืนเพื่ออุตสาหกรรมผลิตผลสดของไทย” ภายใต้โครงการวิจัยที่มุ่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจระดับพันล้านบาท เป็นโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ที่ริเริ่มโดย สวทช. เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักวิจัยเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของภาคเอกชนได้อย่างแท้จริง ทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ภาคอุตสาหกรรมได้
ดังเช่นเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ Active PAKTM สู่ผลงานนวัตกรรม “ถุงหายใจได้” ที่พัฒนาขึ้นโดย หน่วยวิจัยโพลิเมอร์ ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีพลาสติก เอ็มเทค สวทช. ซึ่งเป็นงานวิจัยที่จับต้องได้ ก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรมไทย ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรของไทย ด้วยคุณสมบัติของถุงที่สามารถคงความสด คุณค่า และรสชาติของผลิตผลสด ได้แก่ ผักและผลไม้ต่างๆ ได้นานสูงสุด 2-5 เท่าตัว
“เวลานี้ นวัตกรรมเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ Active PAKTM หรือถุงหายใจได้ มีการนำไปใช้ประโยชน์จริงแล้วในภาคอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนของการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ผู้ผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และผู้ประกอบการที่เป็นผู้ใช้งานอย่าง เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เพื่อใช้สำหรับคงความสดของผักที่วางจำหน่ายบนชั้นวางได้ยาวนานยิ่งขึ้น นับเป็นความสำเร็จร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งเมื่อภาคเอกชนเห็นความสำคัญของการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์แล้ว ย่อมจะส่งผลให้มูลค่าการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศเพิ่มมากขึ้น ลดการนำเข้าหรือการใช้งานเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และต้นทุนการผลิตที่ถูกลง เหล่านี้ล้วนมีผลให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนได้ในท้ายที่สุด”
ด้านดร.วรรณี ฉินศิริกุล นักวิจัยและหัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนา Active PAKTM ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. กล่าวว่า การทำงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีฟิล์มบรรจุภัณฑ์สำหรับยืดอายุและรักษาคุณภาพผักผลไม้สด กว่าจะถึงรุ่นปัจจุบัน Active PAKTM นั้น ได้ทำงานวิจัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี โดยมีการรับโจทย์จริงจากภาคอุตสาหกรรมผักผลไม้สด มีการพัฒนาและร่วมทดสอบกับเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้ใช้งานบรรจุภัณฑ์ผักผลไม้สดสำหรับตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศ และผู้ส่งออกผักผลไม้สดไปต่างประเทศ
รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้ผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์พลาสติก เพื่อให้เกิดการขยายผลการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยฟิล์มบรรจุภัณฑ์สำหรับยืดอายุและรักษาคุณภาพผักผลไม้สดรุ่นปัจจุบัน Active PAKTM ตอบโจทย์ด้านคงความสดของผักและความใสของถุง ซึ่งได้ผ่านการทดสอบใช้งานจริงผ่านกระบวนการต่างๆ ของทาง บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ มาเป็นเวลากว่า 3 ปี โดยมีการพัฒนาให้ตอบสนองต่อความต้องการในด้านการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ด้านการผลิตที่ผลิตได้ในอุตสาหกรรม และด้านการวางจำหน่ายบนชั้นวาง ที่ผักต้องคงความสด และถุงยังคงความใส
“ทั้งนี้ผู้ประกอบการด้านผักผลไม้สด ที่มีโจทย์ความต้องการที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับผักผลไม้สด สามารถติดต่อได้ที่ เอ็มเทค สวทช. (ดร.วิชชุดา เดาด์; witchudas@mtec.or.th / ชนิต วานิกานุกูล; chanitw@mtec.or.th) เรามีความพร้อมของทีมงานที่มีความรู้ความสามารถในสาขาต่างๆ รวมถึงห้องปฏิบัติการและทดสอบที่มีความทันสมัยในระดับสากล และการให้คำแนะนำ ปรึกษา บริการในรูปแบบต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ”
ฝ่ายนางสาวเมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายจัดซื้อกลุ่มสินค้าอาหารสด และบริหารจัดซื้อ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง สวทช. และท็อปส์ ว่า ท็อปส์ เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกของไทยที่นำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด “Active PAKTM ถุงหายใจได้” มาใช้ เพื่อช่วยให้ผักที่วางจำหน่ายในท็อปส์ ทั้ง 181 สาขาทั่วประเทศ คงความสด รสชาติดีตามธรรมชาติ รักษาคุณค่าทางโภชนาการให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นนโยบายหลักของ ท็อปส์ ที่ต้องการให้ผักสดและปลอดภัยจนถึงมือผู้บริโภค เทคโนโลยีใหม่นี้ยังช่วยลดการสูญเสียผัก เป็นการลดขยะ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม อีกด้วย
บริษัทฯ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี ร่วมทดลองกับ สวทช. โดยให้โจทย์หลักต้องการถุงใสและหนาไม่ต่างจากถุงพลาสติกทั่วไป เพราะผู้บริโภคเลือกซื้อผักจากการมองและสัมผัส ถุงต้องช่วยยืดอายุผักให้สดนานขึ้นกว่าบรรจุภัณฑ์แบบเดิมที่เป็นถุงพลาสติกเจาะรูระบายอากาศ และต้องง่ายกับการทำงานในระบบซัพพลายเชน ในขั้นตอนการทดลองได้นำถุงหายใจได้แบบและไซส์ต่างๆ ไปบรรจุผักทั้งผักใบแคบและผักใบกว้าง โดยเริ่มกระบวนการตั้งแต่โรงแพ็ค ส่งไปยังศูนย์กระจายสินค้าอาหารสด แล้วกระจายต่อไปยังสาขา จนถึงครัวของผู้บริโภค ร่วมกันทดลองหลายต่อหลายครั้ง เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเรื่องอุณหภูมิที่ไม่สม่ำเสมอในกระบวนการขนส่ง เช่น การขนผักจากห้องเย็นหรือโรงแพ็คเพื่อจัดวางในรถขนส่ง เป็นต้น จนในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จได้ “Active PAKTM ถุงหายใจได้” ที่ทั้งใสและหนาเหมือนถุงพลาสติกทั่วไป และสามารถยืดอายุผักให้สดนานขึ้นเฉลี่ย 7-8 วัน เทียบกับถุงพลาสติกทั่วไปเจาะรู ที่ใส่ผักได้เพียง 3 วันเท่านั้น
ทั้งนี้ในเดือนเมษายน 2559 ท็อปส์ ได้นำ “Active PAKTM ถุงหายใจได้” มาใช้กับสินค้า OwnBrand ภายใต้แบรนด์มายช้อยส์ (My Choice) และในขั้นต่อไปมีแผนให้ซัพพลายเออร์และเกษตรกรแต่ละชุมชนที่มีแบรนด์ของตัวเองนำถุงดังกล่าวไปใช้ เพื่อยืดอายุของผักบางประเภทที่ต้องดูแลพิเศษ ผักเน่าเสียได้ง่าย หรือผักที่ปลูกในพื้นที่ห่างไกล เพื่อเพิ่มโอกาสการจำหน่ายสินค้าจากเดิมที่เคยขายได้เฉพาะในชุมชน ให้สามารถ ส่งสินค้าเข้ามาจำหน่ายในส่วนกลางหรือสาขาทั่วประเทศ โดยต้องพัฒนาถุงขนาดใหญ่สำหรับขนส่งเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มี 5 ขนาด ได้แก่ 5×15นิ้ว, 5×18นิ้ว, 7×19นิ้ว, 7×25นิ้ว และ 8×13นิ้ว
“Active PAKTM ถุงหายใจได้ ช่วยลดการสูญเสียผักลงประมาณ 7-8% ในขณะที่ต้นทุนการผลิตถุงแพงกว่าถุงพลาสติกทั่วไปเล็กน้อย แต่ท็อปส์ไม่ได้ขึ้นราคาขายสินค้าแต่อย่างใด เนื่องจากมองถึงประโยชน์ของผู้บริโภคและเกษตรกเป็นหลักและถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ช่วยให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าที่สด ใหม่ รสชาติดี คงคุณค่าทางโภชนาการ เหมือนเก็บมาจากไร่ให้ได้มากที่สุด และในอนาคตมีแผนจะนำถุงไปปรับใช้กับผลไม้ที่ต้องการความสดด้วย เช่น เงาะ”
ความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ ท็อปส์ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถต่อยอดงานวิจัยในหน้ากระดาษสู่การค้าพาณิชย์ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพสินค้า เพิ่มโอกาสและยืดระยะเวลาการขายผักให้กับเหล่าเกษตรกร
สุดท้ายผู้ที่ได้ประโยชน์คือ ผู้บริโภค ที่ได้รับประทานผักสด ๆ รสชาติดี คงคุณค่าทางโภชนาการตามธรรมชาติ…