เวทีเกษตร..ยันปลาทับทิมปลอดภัย
เน้นเลี้ยงสะอาด-ลดเสี่ยงโรค
“กอกวงฮวดฟาร์ม” ฟาร์มปลาทับทิมแห่งแรกของประเทศไทยถิ่นแม่กลอง ผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ ที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากเริ่มต้นเลี้ยงปลา 6 กระชัง ขยายเป็นนับ 100 กระชังในปัจจุบัน และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมาตลอดระยะเวลา 18 ปี คัดสรรใช้ลูกพันธุ์ปลาที่แข็งแรง มีระบบการเลี้ยงที่ได้มาตรฐาน ลดโอกาสปลาเป็นโรค พร้อมแนะนำการเลี้ยงปลาในช่วงอากาศร้อน เพื่อให้ได้ผลผลิตปลาทับทิมที่มีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารตกค้าง ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
นายวรชัย แสงวณิช หรือ เฮียกู้ เจ้าของ “กอกวงฮวดฟาร์ม” เล่าว่า ตนเป็นผู้บุกเบิกการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังลุ่มน้ำแม่กลองในจังหวัดสมุทรสงคราม นับเป็นผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังรายแรกของประเทศไทย ปัจจุบันเลี้ยงปลาทับทิมเป็นอาชีพสร้างรายได้ที่มั่นคงมาตลอด 18 ปี เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคว่าเป็นผู้ที่เลี้ยงปลาที่มีคุณภาพ และปลอดภัยจากสารตกค้าง ย้ำเกษตรกรต้องใช้ลูกพันธุ์ปลาที่แข็งแรงจากบริษัทเพาะพันธุ์ลูกปลาที่เชื่อถือได้ ใช้ระบบการเลี้ยงที่ดีช่วยให้ปลาแข็งแรง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ใช้วัคซีน ยาและสารเคมีในการเลี้ยง
เฮียกู้ เล่าถึงที่มาของการเลี้ยงปลาทับทิมว่า เดิมตนเลี้ยงปลาดุกและปลาช่อนในกระชังแม่น้ำแม่กลองมาก่อน เพราะจุดที่เลี้ยงยังเป็นน้ำจืดอยู่ ต่อมาเปลี่ยนมาเลี้ยงปลากะพงในน้ำจืดตามการส่งเสริมของกรมประมง แต่ต้องประสบกับการขาดแคลนลูกพันธุ์ปลากะพงทำให้ต้องหยุดเลี้ยง จึงทดลองนำปลาทับทิมตามคำแนะนำของซีพีเอฟในปี 2541 ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นปลาที่ใหม่สำหรับตลาดของไทย และทางซีพีเอฟอยู่ในช่วงแนะนำเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค
โดยในช่วงแรกเริ่มต้นเลี้ยงปลาเพียง 6 กระชัง และร่วมกับซีพีเอฟขยายตลาดปลาทับทิมเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่ายต่างๆ เริ่มจากที่ไม่มีคนสนใจ จนปลาทับทิมได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนไม่พอขาย สามารถขยายการเลี้ยงจนถึงปัจจุบันรวม 100 กระชังด้วยกัน
ด้าน นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาธุรกิจสัตว์น้ำ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวถึงการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ปลาทับทิมว่า ซีพีเอฟได้ปรับปรุงพันธุ์ปลาทับทิมให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงในประเทศไทยและตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และได้ส่งเสริมเป็นอาชีพการเลี้ยงปลาทับทิมให้แก่เกษตรกร โดยเริ่มส่งเสริมเฮียกู้เริ่มเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง ซึ่งได้ผลผลิตที่ดี ปลาเนื้อแน่น และไม่มีกลิ่นโคลน
ต่อมาบริษัทฯ จึงส่งเสริมให้เกษตรกรรายอื่นได้มีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน เนื่องจากมีผู้นิยมบริโภคทั่วไปนิยมนำปลาทับทิมมาทำเป็นอาหาร เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ส่งผลให้ปลาทับทิมกลายเป็นปลาเศรษฐกิจมากระทั่งปัจจุบัน
“ซีพีเอฟสนับสนุนเกษตรกรในการพัฒนาแหล่งเลี้ยงที่เหมาะสม ได้มาตรฐานฟาร์มปลา GAP (Good Agriculture Practices) ของกรมประมง พร้อมทั้งพัฒนานวัตกรรมระบบการเลี้ยง “โปรไบโอติก” ซึ่งเป็นระบบที่ใช้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อปลา ให้สามารถปรับความสมดุลและภูมิต้านทานโรคได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้เกษตรกรไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีน ยา หรือสารเคมีใดๆ” นายอดิศร์กล่าว
ด้านเฮียกู้กล่าวให้คำแนะนำว่า กระบวนการผลิตปลาทับทิมที่ประสบความสำเร็จ ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพสูง และมาตรฐานการเลี้ยง ใช้เทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่ดีมาใช้ การผลิตปลาทับทิมของฟาร์มฯ เริ่มจากนำลูกพันธุ์ปลามาอนุบาลในบ่อปูน ใช้เวลาอนุบาล 2 เดือนจึงย้ายมาเลี้ยงต่อในกระชัง และให้อาหาร “โปรไบโอติก” ตามช่วงอายุ หากได้ลูกพันธุ์ปลาที่แข็งแรง และระบบการเลี้ยงที่ดี ช่วยลดโอกาสการเป็นโรค แข็งแรง เติบโตเร็ว ที่ฟาร์มจึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีหรือยารักษาโรคเลย ไม่เพียงลดต้นทุนการผลิตแล้วยังช่วยให้เนื้อปลาปลอดภัยจากสารเคมีอีกด้วย
เฮียกู้ ได้ให้คำแนะนำว่า สำหรับการเลี้ยงปลาในช่วงฤดูร้อน ทำให้อุณหภูมิน้ำในแม่น้ำร้อนมาก เกษตรกรควรลดจำนวนการปล่อยปลาเลี้ยงในกระชังลงประมาณ 20-30% ในช่วงปกติปล่อยปลาเลี้ยงในกระชัง 40 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร พอถึงฤดูร้อนจะปล่อยปลาในกระชังลดลง 25-30 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร และปล่อยให้กระชังว่าง เลี้ยงเพียง 80% ของกระชัง เพิ่มพื้นที่ไหลผ่านของน้ำ เพื่อช่วยให้ปลาอยู่ได้สบาย ไม่อึดอัด ไม่เครียด กินอาหารได้ปกติ เติบโตได้คุณภาพ ลดอัตราการสูญเสียของผลผลิตที่เกิดจากอากาศร้อนได้ดี
“ผู้เลี้ยงปลาทับทิมต้องใส่ใจการเลี้ยงตามมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี ทำให้ปลาที่เลี้ยงออกมามีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้บริโภค หลีกเลี่ยงการใช้ยาและสารเคมีโดยไม่จำเป็นทั้งในการเลี้ยงและระหว่างการขนส่ง เพราะนอกจากเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตแล้ว ตลาดเป็นปัจจัยสำคัญของการผลิตปลาทับทิม ดังนั้น ผู้เลี้ยงปลาทับทิมจึงให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัยของปลาอย่างต่อเนื่อง” เฮียกู้กล่าว
ปัจจุบัน “กอกวงฮวดฟาร์ม” ยังได้พัฒนาเป็นรีสอร์ทที่พักให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาพักผ่อนหรือรับประทานอาหารด้วย ซึ่งเป็นการทำธุรกิจต่อยอดจากฟาร์มปลาทับทิมที่นอกจากจะช่วยให้มีรายได้ที่ยั่งยืนแล้ว ยังเป็นการให้บริการเผยแพร่และถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ให้กับผู้ที่สนใจศึกษาวิธีการเลี้ยงปลาทับทิมที่ปลอดภัยอีกด้วย…