กรมพัฒน์ฯจับมือวว.นำวทน.
ใช้เชิงพาณิชย์ต่อยอดSMEs
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือวว.เพื่อนำผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์มากขึ้น ต่อยอดพัฒนาคุณภาพสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์แก่ผู้ประกอบการ ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ รับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” และ “สตาร์ทอัพ” รัฐบาล เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยทั้งระบบ เบื้องต้นคลัสเตอร์เป้าหมาย อาหาร เครื่องสำอางเวชภัณฑ์ อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ OTOP และ SMEs ร่วมพัฒนาช่องทางตลาดทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยประชาสัมพันธ์และพาโรดโชว์สินค้าทั้งในและต่างแดน
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วย “การส่งเสริมการนำผลงานการวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจในเชิงนวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมไทย” เพื่อมุ่งนำผลงานวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์มากขึ้น รวมถึงสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการในการสร้างงาน สร้างอาชีพ และมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ รวมถึงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยผลิตสินค้าเชิงนวัตกรรม ตระหนักและเข้าถึงการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการให้มีความเป็นสากล และเป็นที่ยอมรับของคู่ค้าและผู้บริโภคทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ”
“การทำงานของกรมฯส่วนใหญ่จะเป็นงานเกี่ยวกับรากหญ้า SMEs OTOP โดยมีเครือข่าย Biz Club THAILAND เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมทั้งประเทศให้แข็งแกร่ง ซึ่งเวลานี้มีอยู่ครบ 77 จังหวัด สมาชิกมากกว่า 8,100 ราย และทำงานตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม(วทน.)มาใช้ ซึ่งวว.มีจุดแข็งในเรื่องนี้ ตรงกับความต้องการของเรา จึงเป็นโอกาสอันดีที่มาร่วมมือกัน และ Biz Club นั้นเป็นเครือข่ายSMEs ที่มีศักยภาพพร้อมที่จะเรียนรู้ต่อยอดแล้ว เอางานวิจัยมาช่วยสร้างคุณค่าแก่สินค้าและบริการ ความร่วมมือนี้จะช่วยให้องค์ความรู้เกิดผลในเชิงปฏิบัติและเกิดผลเชิงพาณิชย์ สร้างคุณค่าให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับวว.เองทำงานด้าน SMEs เช่นกัน ซึ่งอาจขาดองค์ความรู้ในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านบัญชี และอื่น ๆ สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกัน เป็นบูรณาการเชิงภาครัฐ”
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวต่อว่า ทางกรมฯ จะบูรณาการความร่วมมือกับ วว. อย่างใกล้ชิด โดยจะร่วมกันพัฒนาศักยภาพธุรกิจของไทยให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งเสริมการยกระดับมาตรฐานคุณภาพของผู้ประกอบการ บูรณาการการบริการให้คำปรึกษาแนะนำ ด้านวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ การบริหารการผลิต และการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยทั้งระบบ โดยในเฟสแรกคลัสเตอร์เป้าหมาย คือ อาหาร เครื่องสำอางเวชภัณฑ์ อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ OTOP รวมถึง SMEs ที่ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ ซึ่งมีศักยภาพพร้อมจะนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจ”
“นอกจากนี้ยังร่วมกันกำหนดแผนการพัฒนาช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จนสามารถนำสินค้านั้นเผยแพร่ออกสู่ตลาดด้วย ซึ่งจะเน้นการตลาดทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ (Online & Offline)หรือ อีคอมเมิร์ซ สุดท้ายร่วมกันประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ได้รับการพัฒนาฯ ผ่านช่องทางการสื่อสารทุกประเภท รวมทั้งผ่านเครือข่ายของทั้ง 2 หน่วยงาน ตลอดจนนำผู้ประกอบการออกโรดโชว์แสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น งาน TISTR Innovation Day, TISTR and Friends รวมถึงการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เป็นต้น”
ด้านดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการ วว
“สิ่งที่สามารถทำได้ก่อนได้แก่ การส่งต่อวิสาหกิจชุมชน โอท็อปที่มีอยู่แล้วมาให้ทางกรมฯช่วยอบรมด้านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ การทำบัญชีรายรับรายจ่าย พร้อมส่งต่อเทคโนโลยีให้แก่กรมฯ เพราะมีBiz Club อยู่แล้ว หรือมีโจทย์อะไร ส่งผ่านกรมฯมาส่งต่อให้ทางวว.ไปช่วยได้ ซึ่งเทคโนโลยีที่นำไปช่วยหลัก ๆ ได้แก่ ด้านอาหาารแปรรูป ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพร บรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรกลด้านอาหารแปรรูปและเครื่องจักรกลด้านการเกษตร”