“เนสกาแฟ” เจ้าแรกของโลก
ส่งสูตรผสมกาแฟคั่วบดละเอียด
เนสท์เล่ ผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อโภชนาการ สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีระดับโลก เปิดตัว “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” กาแฟปรุงสำเร็จรูปผสมกาแฟคั่วบดละเอียด ครั้งแรกของโลกและผลิตครั้งแรกในไทย ชูเทคโนโลยีพิเศษเอกสิทธิ์เฉพาะของเนสกาแฟที่ช่วยกักเก็บความหอมกรุ่นและรสชาติของกาแฟแท้ๆคั่วบดละเอียดให้ความหอม อร่อย กลมกล่อมแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ตั้งเป้าเข้าถึงครอบครัวกว่า 50% ในราคาและขนาดเท่าเนสกาแฟ ทรีอินวัน จัดงบกว่า 600 ล้านบาทอัดแคมเปญการตลาดยาวทั้งปี
นางออดรีย์ เลียว ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “ในฐานะแบรนด์กาแฟยอดนิยมระดับโลก เนสกาแฟเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยจากรุ่นสู่รุ่น จนครองความเป็นผู้นำตลาดกาแฟมานานกว่าสี่ทศวรรษ ตลาดกาแฟในช่วงปีที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ทั้งมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีความหลากหลาย และรูปแบบใหม่เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ จึงตัดสินใจยุติการจำหน่ายเนสกาแฟทรีอินวัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของเนสกาแฟในประเทศไทย เพื่อเดินหน้ามอบประสบการณ์ใหม่จากเนสกาแฟในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัส ด้วยการเปิดตัว “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ”
ทั้งนี้ “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” พลิกโฉมกาแฟปรุงสำเร็จ ด้วยการผสมผสานกาแฟคั่วบดละเอียดอย่างลงตัวลงในผลิตภัณฑ์ ด้วยเทคโนโลยีพิเศษเอกสิทธิ์เฉพาะของเนสกาแฟ พร้อมกักเก็บความหอมกรุ่นและรสชาติของกาแฟแท้ๆ คั่วบดละเอียด “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย และผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้ใช้ชื่อ “กาแฟปรุงสำเร็จผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” อีกด้วย
นางเลียวกล่าวอีกว่า เหตุผลที่เลือกเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” ในไทยเป็นที่แรกเนื่องจากไทยเป็น 1 ใน 5 ของตลาดหลักของเนสกาแฟ มีผู้บริโภคที่โปรดการดื่มกาแฟอยู่มาก โดยมีอัตราการดื่มกาแฟที่ 200 แก้วต่อคนต่อปี ขณะที่กาแฟปรุงสำเร็จก็เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยเช่นกัน ทางเนสกาแฟจึงอยากแนะนำสูตรใหม่ ๆ เพื่อให้ตลาดเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งตลาดกาแฟปรุงสำเร็จมีมูลค่าตลาดรวม 15,000 ล้านบาท เนสกาแฟมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 60% และเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีอัตราการบริโภคกาแฟที่ 400 แก้วต่อคนต่อปี จึงคิดว่า ตลาดกาแฟปรุงสำเร็จไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก หลังจากในปี 2558 ที่ผ่านมาตลาดทรงตัว สอดพ้องกับมูลค่าตลาดกาแฟโดยรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท มีการเติบโตเล็กน้อย 0.5%
ด้านนายแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู”เกิดจากการวิจัยเพื่อพัฒนาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดื่มกาแฟให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยที่มองหากาแฟปรุงสำเร็จที่มีกลิ่นหอมกรุ่นและรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมในราคาที่หาซื้อได้ เนสท์เล่จึงได้พัฒนากระบวนการเพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จ ทั้งนี้ “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู” ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ 60/40 ของเนสท์เล่ โดยผู้บริโภค 8 ใน 10 ที่ได้ทดลองดื่มต่างชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างมาก ผมมั่นใจว่า “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู” จะครองใจคนไทยที่รักการดื่มกาแฟ เมื่อได้ลิ้มลองเนสกาแฟในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัส”
ทั้งนี้เนสกาแฟตั้งเป้าให้ “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” เข้าถึงครัวเรือนไทยมากกว่า 50% ด้วย 2 รสชาติความหอมอร่อย ทั้ง ริช อโรมา และ เอสเปรสโซ โรสต์ พร้อมจัดเต็มแคมเปญการตลาดครบวงจรด้วยงบประมาณมากกว่า 600 ล้านบาทในเฟสแรก ส่งแคมเปญภายใต้คอนเซ็ปท์ “เนสกาแฟ ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัส” ประกอบด้วย ภาพยนตร์โฆษณาแนะนำผลิตภัณฑ์ และโฆษณาหลักที่มี 2 แบรนด์แอมบาสเดอร์ ทั้ง มิน-พีชญา วัฒนามนตรี และ เจมส์ มาร์ เชิญชวนให้สัมผัสประสบการณ์ใหม่
นอกจากนี้ยังมีการจัดคาราวานแจกผลิตภัณฑ์ให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยของ “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู” กว่า 4 ล้านถ้วยทั่วประเทศในครึ่งหลังของปีซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 15 ปีหลังส่งกาแฟปรุงสำเร็จเข้าตลาดครั้งแรก โดยประเดิมส่งคาราวานทีมพนักงานเนสท์เล่ เดินสายมอบประสบการณ์ความหอม…อร่อยกลมกล่อมในวันที่ 3 มิถุนายน ให้คนกรุงเทพฯ ในย่านต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ และสีลม คอมเพล็กซ์
นอกเหนือจากนี้เนสกาแฟ ยังจัดเต็มแคมเปญดิจิตอลด้วยการเข้าถึงคนดังในโลกออนไลน์ให้ได้มาเผย “เรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้” พร้อมทั้งกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นผ่านช่องทางออนไลน์ของเนสกาแฟ ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และยูทูบ
ขณะนี้ “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด” ใหม่ มีจำหน่ายแล้วใน 5 ขนาด ได้แก่ ขนาดแพ็ค 4 ซอง ราคา 20 บาท 9 ซอง ราคา 39 บาท 27 ซอง ราคา 102 บาท และ 40 ซอง ราคา 145 บาท (สำหรับลูกค้าทั่วไป) และขนาด 60 ซอง ราคา 185 บาท (สำหรับร้านค้าปลีก) วางจำหน่ายแล้วที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ