นักวิจัยไม่สรุปโรงแรมเกาะช้าง
ให้เร่งตรวจที่เหลือหวั่นถล่มตาม
นักวิจัย สกว.-เลขาธิการสภาวิศวกร สันนิษฐาน 3 สาเหตุหลักโรงแรมที่เกาะช้างพังถล่ม ทั้งระบบฐานรากอาคารไม่มั่นคง ดินรองรับเสื่อมกำลังหรือมีการสไลด์ตัวของดินและ การก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่ยังไม่สรุปสาเหตุควรรอข้อมูลสำคัญทั้งแบบโครงสร้าง วิธีก่อสร้าง และระบบฐานรากรองรับน้ำหนักอาคารจึงจะทราบสาเหตุที่แท้จริง พร้อมเตือนให้เร่งตรวจสอบอาคารข้างเคียงหรือแจ้งขอความช่วยเหลือจากสภาวิศวกร หวั่นเกิดเหตุถล่มซ้ำ ย้ำต้องมีวิศวกรออกแบบคุมงานก่อสร้างอาคารขนาดเล็ก
ตามที่มีเหตุอาคาร 2 ชั้นของโรงแรมสยามบีช รีสอร์ท ตั้งอยู่เลขที่ 100/1 ม.4 ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด พังถล่มลงมาเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตทันที 1 คน และติดอยู่ในอาคารได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง โดยเบื้องต้นรายงานข่าวระบุว่าอาคารของโรงแรมก่อสร้างคร่อมทางน้ำ ประกอบกับมีฝนตกหนัก ทำให้ดินไม่สามารถรองรับน้ำหนักของอาคารได้และเกิดการทรุดตัวลงมา ซึ่งผู้ราชการจังหวัดตราดได้สั่งการให้ตรวจสอบอาคารที่เหลือ หากไม่ปลอดภัยให้ปิดทันทีนั้น
ล่าสุด ศ. ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารคอนกรีตของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และเลขาธิการสภาวิศวกร ระบุว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อาคารพังถล่มลงมาว่าเกิดจากอะไร เนื่องจากต้องรอข้อมูลสำคัญ คือ แบบโครงสร้าง วิธีการก่อสร้าง ตลอดจนระบบฐานรากที่รองรับน้ำหนักของอาคาร อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้สันนิษฐานสาเหตุไว้ 3 ประเด็น ได้แก่ (1) ระบบฐานรากอาคารไม่มั่นคง ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบว่าการก่อสร้างมีฐานรากรองรับอาคารหรือไม่ และหากมีต้องดูว่าเป็นฐานรากประเภทฐานแผ่ หรือฐานรากที่ใช้เสาเข็ม และมีกำลังรับน้ำหนักเพียงพอหรือไม่
(2) ดินรองรับเสื่อมกำลังหรือมีการสไลด์ตัวของดินหรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าฝนตกหนักทำให้ดินเหลวและอ่อนตัว ทำให้กำลังรับน้ำหนักลดลง หรือหากเป็นการก่อสร้างใกล้ที่ลาดชันก็อาจเกิดการสไลด์ของชั้นดินและพาให้ฐานรากเคลื่อนตัวจนอาคารพังถล่ม นอกจากนี้หากเป็นการก่อสร้างที่คร่อมทางน้ำก็อาจเป็นปัจจัยได้ เนื่องจากฝนตกหนักอาจชะล้างดินใต้ฐานรากออกไป เป็นเหตุให้ฐานรากทรุดตัว (3) การก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้อาคารถล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรีบเร่งการก่อสร้าง ใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน รอยต่อระหว่างคานและเสาของโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง ตลอดจนปริมาณเหล็กเสริมและขนาดชิ้นส่วนที่เล็กไป ซึ่งต้องนำแบบโครงสร้างมาตรวจสอบ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการจ้างวิศวกรเข้ามาคุมงานก่อสร้างหรือไม่ และมีแบบอาคารหรือไม่อีกด้วย
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แท้จริง อาจจะมาจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งหรือหลายสาเหตุร่วมกัน ซึ่งจะต้องรอดูหลักฐานทั้งหมดก่อนจึงจะสรุปได้ ส่วนอาคารข้างเคียงที่ยังเหลืออยู่ หากก่อสร้างแบบเดียวกันก็มีความเสี่ยงถล่มได้เช่นกัน จึงไม่ควรใช้งานต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตรวจสอบพบรอยร้าว ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้คือ ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวเข้าเร่งเข้าไปตรวจสอบความมั่นคงอาคารโดยเร็ว หรือขอความร่วมมือมาที่สภาวิศวกร
“การก่อสร้างอาคารในประเทศไทยโดยเฉพาะอาคารหลังเล็ก ๆ ยังมีจำนวนมากที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนและผู้ประกอบการตระหนักถึงการก่อสร้างอาคารที่ปลอดภัย โดยต้องจัดหาวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกรมาออกแบบและควบคุมงาน” ศ. ดร.อมรกล่าวสรุป