ก.อุตสาหกรรมจับมือทีดีอาร์ไอ
พาธุรกิจแฟชั่นไทยลุยเมียนมา
กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมแฟชั่นไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2560 ซึ่งเพิ่มจากปี 2558 ที่มีมูลค่า 6.2 แสนล้านบาท โดยมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เข้มแข็ง และสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก เพื่อยกระดับไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแฟชั่นอันดับ 1 ของอาเซียน พร้อมพาผู้ประกอบการลุยประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง เมียนมา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่าร้อยละ 8 สูงที่สุดในบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหมด
เมียนมาร์ เป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่มีศักยภาพสูงทางการค้าและการลงทุน สืบเนื่องจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง และการพัฒนาทางการเมืองที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้คาดการณ์ว่า ในช่วงปี 2559-2563 เมียนมาร์เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงที่สุดถึงร้อยละ 8.3 ในบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหมด
แม้ว่าผู้ประกอบการไทยส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้เข้าไปเชื่อมโยงด้านการตลาด และการผลิตในเมียนมาร์แล้ว แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น ผู้ประกอบการบางส่วนไม่เห็นโอกาสทางธุรกิจในเมียนมาร์ ขาดข้อมูลที่ช่วยประกอบการตัดสินใจในการทำธุรกิจ หรือสนใจเข้าไปทำธุรกิจในเมียนมาร์ แต่ไม่รู้ช่องทางในการหาพันธมิตรทางธุรกิจ
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมจึงร่วมกับ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดกิจกรรมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการเมียนมาร์ในระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2559 เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้เห็นโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในเมียนมาร์ด้วยตนเอง
ในกิจกรรมนี้ ผู้ประกอบการไทยจะได้พบปะกับผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานด้านการลงทุนและการค้าในเมียนมาร์ ผู้ประกอบการเมียนมาร์ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ผู้กระจายสินค้า ตลอดจนธนาคารไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้เห็นโอกาสทางธุรกิจในเมียนมาร์ด้วยตัวเอง ตลอดจนได้ทราบถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ กฎระเบียบตลอดจนข้อควรระวังต่างๆ ในการทำธุรกิจในเมียนมาร์
ผู้ประกอบการไทยที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณมณฑล หรือคุณนริศ โทรศัพท์: 02 718 5460 ต่อ 521 และ 509หรือโทรศัพท์มือถือ: 099 979 9546 และ 088 630 0707 หรือ อีเมล์:monthon@tdri.or.th , naris@tdri.or.th ภายในวันที่ 30 มิถุนายน2559 ทั้งนี้ ทางสถาบันฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่สมัครก่อนเนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด