รมว.สธ.เข้มกรมการแพทย์
เรือธงเลิศบริการ วิชาการ-วิจัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมกรมการแพทย์ มอบนโยบาย ให้เป็นเรือธงของกระทรวงสาธารณสุขในด้านการรักษาพยาบาล และต้องมีความเป็นเลิศใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการ วิชาการและวิจัย บวกการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เข้มแข็ง เผยผลงานเด่นปี 2559 อาทิ การจัดทำแนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน เวลานี้อยู่ระหว่างประเมินผล ก่อนที่จะประกาศเป็นคู่มือมาตรฐานที่ให้หน่วยงานต่างๆ นำไปเป็นแนวทางต่อไป โครงการพัฒนาดูแลสุขภาพพระสงฆ์ สามเณรและมอบแขนขาเทียมผู้พิการทั่วประเทศ
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมกรมการแพทย์(22ก.ค.) ติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย ที่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี และให้สัมภาษณ์ว่า กรมการแพทย์เปรียบเสมือนเป็นเรือธงของกระทรวงสาธารณสุขในด้านการรักษาพยาบาล ที่มีความเป็นเลิศด้านบริการทางการแพทย์ (Excellence center)มีการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่างๆทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข เช่น เรื่องการดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งกรมการแพทย์ดำเนินการได้เป็นอย่างดีมีการพัฒนาต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในการที่จะเป็นหน่วยงานที่มีความเป็นเลิศนั้น ได้มอบนโยบายให้กรมการแพทย์ต้องพัฒนาให้มีความเป็นเลิศใน 3 ด้านคือ บริการ วิชาการและวิจัย บวกการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เข้มแข็ง ซึ่งจะนำไปสู่วัฒนธรรมที่เข้มแข็งของประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานของปีงบประมาณ 2559 กรมการแพทย์ ได้ดำเนินงานสำคัญที่ส่งผลต่อประชาชน ในหลายเรื่อง เช่น จัดทำแนวทางการตรวจที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับการตรวจสุขภาพที่จำเป็น และมีบางส่วนที่ตรวจสุขภาพเกินความจำเป็นและไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม เนื่องจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย พบว่าประชาชนบางส่วนไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือป่วยเป็นโรค เช่น ประมาณ 1ใน 3 ของผู้ป่วยเบาหวานไม่ทราบว่าตัวเองเป็นเบาหวาน และกว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงก็ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยโรคมาก่อน ส่วนในสตรีอายุ 15-59 ปีมีเพียงร้อยละ 42.5 ที่เคยได้รับการตรวจปากมดลูก ทั้งที่วิธีการตรวจไม่ซับซ้อน แต่ป้องกันการเกิดโรคและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
โดยแนวทางฯฉบับนี้ อยู่ระหว่างประเมินผลโดยนำไปใช้ในเขตสุขภาพที่ 5 ก่อนจะประกาศให้เป็นคู่มือที่เป็นมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขที่จะให้หน่วยงานต่างๆนำไปเป็นแนวทางต่อไป
นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ สามเณร 3 แสนรูป พัฒนาระบบสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข การมอบแขนขาเทียมให้ผู้พิการทุกคนทั่วประเทศที่ตั้งเป้าภายในปี 2559 คนพิการขาขาด แขนขาดทุกคนจะได้รับอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการที่เหมาะสม การพัฒนาบริการโรคไตเรื้อรังในโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ สถานพยาบาลยาเสพติดระบบสมัครใจ ที่มีมาตรฐานกว่า 590 แห่ง และการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประครอง เป็นต้น