สธ.จัดงาน “มหกรรมสมุนไพร”
ดันสมุนไพรสร้างเศรษฐกิจชาติ
สธ.หนุนสุมนไพรไทยสร้างเศรษฐกิจชาติ ชี้มูลค่าการใช้และการส่งออกกว่า 240,000 ล้านบาทต่อปี ตั้งเป้าดันสุราษฎร์ธานี เชียงราย สกลนคร และปราจีนบุรี เป็น “เมืองสมุนไพรประชารัฐ” พัฒนาสมุนไพรครบวงจร พร้อมชวนเที่ยวงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ใต้แนวคิด “สมุนไพรไทย เศรษฐกิจไทย อนาคตไทย” วันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายน 2559 ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี เปิดตลาดสมุนไพรให้จับคู่ธุรกิจและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร พร้อมเปิดตัวเครื่องสำอางจากผักเบี้ยใหญ่
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับ 23 ภาคีเครือข่าย จัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายน 2559 ณ ฮอลล์ 6-8 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ ตระหนัก และเชื่อมั่นในบริการแพทย์แผนไทย ทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ให้สามารถสร้างเศรษฐกิจประเทศอย่างยั่งยืน ตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการพัฒนาการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรไทยอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีความต้องการใช้สมุนไพรเพื่อการรักษาโรคและการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอาง และกลุ่มอาหารเสริม จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ในปี 2557 พบว่า มูลค่าการใช้และส่งออกสมุนไพรรวมกว่า 240,000 ล้านบาท โดยกลุ่มเครื่องสำอางมีมูลค่า 140,000 ล้านบาท กลุ่มอาหารเสริม 80,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มสปาและผลิตภัณฑ์ประมาณ 10,000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี
ในปี 2559 นี้ ได้ร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน จัดทำแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย พ.ศ. 2560 – 2564 ฉบับแรกของประเทศ เพื่อพัฒนาอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และกำหนดเป้าหมายพัฒนาสมุนไพรที่มีศักยภาพของประเทศ (Product Champion) ที่ตรงความต้องการของตลาด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ รวมทั้งเกิดเมืองสมุนไพร (Herbal City) รูปแบบประชารัฐใน 4 จังหวัดคือ สุราษฎร์ธานี เชียงราย สกลนครและปราจีนบุรี ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาสมุนไพรครบวงจร เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน
ด้านนพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ปีนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตลาดเชิงธุรกิจระหว่างผู้ซื้อจากกลุ่มประเทศอาเซียน และผู้ขายในประเทศที่เป็นผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์จากยาสมุนไพร อาหารเสริม เครื่องสำอาง กลุ่มวัตถุดิบและสารสกัดกลุ่มอื่นๆ และเพิ่มพื้นที่ให้กลุ่มคน GEN Y ที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่นำสินค้าและบริการมาจำหน่าย เพื่อให้เยาวชน วัยรุ่นที่สนใจและมองหาธุรกิจ ได้เรียนรู้และเปลี่ยนมุมมองการต่อยอดธุรกิจด้านสมุนไพร
รวมทั้งการจัด 7 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.การประกวดผลงานวิชาการ 2.การประชุมวิชาการ อาทิ แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยตามความต้องการของตลาด 3.การอบรมระยะสั้น 2 ชั่วโมงฟรี กว่า 30 หลักสูตร 4.การจัดแสดงสวนสมุนไพรหายาก สมุนไพรประจำถิ่น และสมุนไพรในการวิจัย สมุนไพรเศรษฐกิจจากทั่วประเทศไทย ซึ่งสามารถใช้สมาร์ทโฟนสแกนและดึงข้อมูลผ่าน QR CODE ได้
5.การจัดแสดงลานวัฒนธรรม แสดงพิธีกรรมการดูแลรักษาสุขภาพของ 4 ภาค และวัฒนธรรมท้องถิ่นด้านสุขภาพ รู้อยู่ รู้กิน รู้รักษา ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นสุขภาพ 6.เปิดโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน 7.การแสดงนวตกรรมและงานวิจัย ในรูปแบบมหานครแห่งสมุนไพร จากผู้ประกอบการ 7 กลุ่ม ได้แก่ยาสมุนไพร อาหารเสริม เครื่องสำอาง สปา วัตถุดิบและสารสกัด ผลิตภัณฑ์สัตว์ และกลุ่มเทคโนโลยีการผลิต มีคลินิกให้คำปรึกษาการพัฒนาธุรกิจ นักธุรกิจรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2559 และพื้นที่ต้นแบบดีเด่นด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกประจำปี 2559 และเปิดตำราพจนานุกรมศัพท์แพทย์และเภสัชกรรมแผนไทย สู่ยุคดิจิตัลไทยแลนด์ 4.0 ให้นักศึกษาแพทย์แผนไทยและผู้สนใจ ลงทะเบียนโหลดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ที่บูธกรมแพทย์แผนไทย
กิจกรรม Dinner Talk ร่วมหารือเพื่อผลักดันเชิงยุทธศาสตร์ชาติในการส่งเสริมการมีและใช้สมุนไพรของประเทศไทยสู่การใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร และพิธีมอบรางวัลนายกรัฐมนตรี Prime Minister Herb Award แก่ผู้ชนะการประกวด รวมทั้งปาฐกถาพิเศษโดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในหัวข้อ Startup Thai Herbs & Health อีกด้วย
ด้านภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงภูมิปัญญาไทยในการดูแลสุขภาพว่า “จากการที่อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มมากขึ้นหลายองศาเซลเซียส นอกจากภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีแล้ว โรคร้ายที่สัมพันธ์กับความร้อนยังมีโอกาสมากขึ้น ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 13 จะกระตุ้นเตือนให้คนไทยได้ใช้ภูมิปัญญาไทยในการดูแลสุขภาพในภาวะโลกร้อน เช่น อาการร้อนในที่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นโรคร้าย
โดยใช้สูตรเครื่องลดภาวะร้อนใน ได้แก่ น้ำแพรเซี่ยงไฮ้ น้ำลิ้นมังกร สูตรอาหารสมุนไพรบำรุงสายตา เช่น เค้กดาวเรือง ขนมจากอัญชัน ขมิ้นชัน มะขามป้อม และงาขี้ม่อน เครื่องสำอางลดฝ้าคืนความชุ่มฉ่ำให้ผิวจากผักเบี้ยใหญ่ ดู่ท่ง มะขามเปียก มะขามป้อม ซึ่งได้นำมาสาธิตและจำหน่ายในร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งนี้ด้วย