“สมคิด” ไม่กังวล “ทรัมป์” มีชัย
ใครปธน.USไม่กระทบเศรษฐกิจ
ท่ามกลางบรรยากาศที่ทั่วโลกตามลุ้นผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในสหรัฐฯในวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งผลการนับคะแนนแสดงให้เห็นค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จาก พรรครีพับรีกัน สามารถคว้าชัยเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคแดโมแครต และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแบบทิ้งห่าง สำหรับท่าทีของไทยแสดงความยินดีต่อผู้ชนะ นายกรัฐมนตรีและรองนายกฯเศรษฐกิจ ชี้ไม่ว่าผู้ใดได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไทยร่วมยินดี ไม่กระทบเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศสมดุล
เวบไซต์บีบีซีล่าสุดเปิดเผยข้อมูลล่าสุด แสดงผลการนับคะแนน 47 มลรัฐจาก 50 มลรัฐ ปรากฎว่า ทรัมป์มีอยู่ 279 คะแนน ทิ้งห่างฮิลลารีอย่างไม่เห็นฝุ่นจากที่มีเพียง 228 คะแนน นอกจากนี้ยังมีสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน 51 ที่นั่ง เทียบกับ 48 ที่นั่งจากพรรคเดโมแครต ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลีกันได้ไป 239 ที่นั่ง เทียบกับ 193 ที่นั่งจากพรรคเดโมแครต
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ไม่ว่าผู้ใดได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก็ตาม ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง พร้อมเชื่อว่า ทุกประเทศมีประชาธิปไตยที่มีพื้นฐานใกล้เคียงกันในความแตกต่าง แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน โดยประเทศไทยเป็นมิตรกับประเทศสหรัฐอเมริกามากว่า 180 ปี ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลประเทศไทยก็ต้องดำเนินนโยบายตามเดิมคือ นโยบายต่างประเทศที่สมดุล เพราะเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางของอาเซียน และทำอย่างไรให้เราได้รับประโยชน์สูงสุด ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ที่คนอเมริกันลงคะแนนเสียงให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลดีอยู่แล้วอย่างไรก็ตามทางรัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต้องตามติดนโยบายสหรัฐอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์มองว่า นโยบายของทั้งนางคลินตัน และนายทรัมป์ มีแนวโน้มไม่สนับสนุนค้าเสรี หากนายทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีนโยบายที่หาเสียงมีสุดโต่งในเรื่องการกีดกันทางการค้ามากกว่า มีความเป็นไปได้ว่า การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(Trans-Pacific Partnership)อาจจะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งจะมีนโยบายการกีดกันทางการค้าต่างๆ มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย
อนึ่งนายโนัลด์ ทรัมป์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.1946 ในมหานครนิวยอร์ก บุตรของเฟรด ทรัมป์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จบการศึกษาระดับปริญญาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียและวิทยาลัยวอร์ตัน ด้านการเงิน สร้างชื่อเสียงมาจากการเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และเป็นเจ้าของและประธานบริษัท “ทรัมป์ ออแกไนเซชั่น” อดีตเจ้าของรายการเรียลลิตี้ “The Apprentice” มีบุตร-ธิดา 5 คนกับภริยา 3 คน
ขอบคุณภาพประกอบจาก-http://news.sanook.com/และwww.tnamcot.com