ชี้ระบบศึกษาปั้นบุคลากรน้ำดี
กระบวนยุติธรรมไม่บิดเบี้ยว
นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ชี้ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมไทยมี4สาเหตุสำคัญ ได้แก่ ด้านปริมาณ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐรีบเร่งพิจารณาคดีโดยขาดความรอบคอบ อำนาจทุนนิยม ความเหลื่อมล้ำในสังคม อำนาจเงิน อิทธิพลทำให้เกิดอยุติธรรม โครงสร้างการทำงานกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ขาดสมดุลในการสืบพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานและศักยภาพของบุคลากรภาครัฐ ที่เน้นแต่งานเสร็จ ไม่เน้นสัมฤทธิ์ผล ต้องพึ่ง “ระบบการศึกษา” สร้างบุคลากรเก่งและดี ช่วยยกระดับกระบวนฯยุติธรรมไทย
ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รัฐอมฤต คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวในงานเสวนา “ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรร ม: ปัญหาและทางออก” จัดขึ้น ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ว่า ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นประเด็นสังคมที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของพลเมืองผู้บริสุทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม โดยเหตุปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเกิดความผิดพลาดจำแนกได้ 4 ประการคือ 1) ปัญหาด้านปริมาณ 2) ปัญหาอำนาจทุนนิยม 3) ปัญหาโครงสร้างการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยและ 4) ปัญหาศักยภาพของบุคลากรภาครัฐ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ปัญหาด้านปริมาณ เนื่องด้วยปัจจุบันจำนวนคดีอาญา ที่ส่งฟ้องในประเทศไทยมีจำนวนมาก โดยข้อมูลจากสถิติคดีของศาลยุติธรรมะระบุว่า ศาลชั้นต้นมีปริมาณคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาในปี 2557 คงค้างทั้งสิ้น 665,722 คดี ส่วนคดีที่รับมาใหม่ในปี 2558 ตัวเลขอยู่ที่ 647,664 คดี ทั้งนี้จำนวนคดีที่เพิ่มมากขึ้น ได้สร้างแรงกดดันแก่เจ้าหน้าที่ ตำรวจในการเร่งปิดสำนวนคดี โดยอาจขาดความรอบคอบและรัดกุมในการสืบพยานหลักฐาน อันมีผลต่อเนื่องให้อัยการได้รับพยานหลักฐานที่ไม่ครอบคลุมในการพิจารณาคดี
ปัญหาอำนาจทุนนิยม พลเมืองในทุกๆ สังคมล้วนมีความแตกต่างในฐานะเชิงอำนาจและเศรษฐกิจ โดยผู้ที่มีอำนาจและเงินตรามีโอกาสอย่างมากที่จะใช้อิทธิพลในการข่มขู่ คุกคาม และครอบงำการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้ องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเกรงกลัวอิทธิพลดังกล่าว เนื่องจากส่งผลต่อหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว ในขณะเดียวกันกลุ่มอิทธิพลจะมีทุนทรัพย์เพียงพอในการยื่นประกันตัว สามารถจ้างทนายที่ช่ำชอง ตลอดจนมีเครือข่ายในวงกว้างมาช่วยสนับสนุนในการสู้คดี จึงทำให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสรอดพ้นจากโทษคดีทางอาญา ดังที่เคยปรากฏอยู่ในข่าว เช่น บุคคลที่มีฐานะร่ำรวยทางธุรกิจขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือข่าวอุบัติเหตุเศรษฐีขับรถเบนซ์ชนรถฟอร์ดจนทำให้ผู้เสียหาย ถึงแก่ความตาย เป็นต้น
ปัญหาโครงสร้างการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไทย จากวิธีการพิจารณาคดีของระบบศาล ไทยที่แยกส่วนกันระหว่าง ตำรวจหรือพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ส่งผลให้ความจริงอาจอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่พนักงานอัยการ และศาล มีบทบาทอย่างจำกัดในการแสวงหาความจริงในกรณีคดีอาญาทั่วไป โดยหากสำนวนคดีที่ตำรวจรวบรวม พยานหลักฐานมีข้อบกพร่อง การใช้ดุลยพินิจในชั้นอัยการ และชั้นศาล ก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดตามไปด้วย
ปัญหาศักยภาพของบุคลากรภาครัฐ โดยปัจจุบันเจ้าพนักงานสอบสวนจำนวนไม่น้อย มีความไม่เข้าใจในหลักการดำเนิน คดีอาญาด้วยมุ่งให้ได้ความจริงแท้ อาทิ มีการสืบพยานหลักฐานในด้านลบเพียงด้านเดียวเพื่อมุ่งพิสูจน์ว่า ผู้กล่าวหาเป็นคนผิด ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว ควรหาหลักฐานให้ครอบคลุมทั้งทาง ด้านบวกและลบ เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองซึ่งได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่คดียังไม่มีคำพิพากษาของศาลว่ากระทำความผิด หรือการคุมขังผู้ถูกดำเนินคดีไว้ เกินกว่าเหตุจำเป็น รวมไปถึงการใช้ดุลยพินิจของพนัก งานอัยการและศาล ที่มักให้ความสำคัญกับพยานหลักฐานของจำเลยน้อยกว่าโจทก์ อันส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมเกิ ดความไม่ยุติธรรมขึ้น
ทั้งนี้ปัญหาความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมไทยต้องใช้ระยะเวลาในการปฏิรูปและแก้ไขในเชิงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ และเต็มเปี่ยมไปด้วย ‘จริยธรรม’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในกระบวนการยุติธรรมที่จะขาดไม่ได้
เชื่อว่าระบบการศึกษาจะเป็นกุญแจสำคัญในการหล่อหลอมบุคลากรด้านกฎหมายที่ดี ด้วยการอบรมผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจทั้งในเชิงวิชาการและการปฏิบัติ ตลอดจนปลูกฝังและขัดเกลาให้บุคคลเหล่านี้ได้เรียนรู้โลกของการทำงานที่เน้นจริงรู้จักตระหนักถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกา รปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติ ธรรม และ ต้องปลูกฝังให้คำนึงถึงสิทธิเสรี ภาพของประชาชนเป็นสำคัญ ศาสตราจารย์ ดร.อุดม กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนา “ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรร ม: ปัญหาและทางออก” โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ห้องจิ๊ดเศรษฐบุตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเ พิ่มเติมได้ที่คณะนิติศาสตร์ มธ. ท่าพระจันทร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-613-2127 หรือ 02-613-2141 หรือเข้าไปที่ www.law.tu.ac.th