มธ.จัดTU ASEAN Expo 2017
รู้จักอาเซียนทุกมิติ ฉลองครบ50ปี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดงาน “TU ASEAN Expo 2017” เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีอาเซียน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาเซียนในทุกมิติ เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอาเซียน 4.0 จับตาบทบาทอนาคตของไทยในฐานะสมาชิกประชาคมอาเซียนและเป็น 1 ใน 5 ประเทศ ของผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียนและมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ ของอาเซียนมาโดยตลอด อนาคตคาดไทยจะทำการค้ากับอาเซียนเพิ่มจากมูลค่าประมาณ 25% เป็น 30-40% จากสัดส่วนการค้ากับทั่วโลก จัดขึ้นในวันที่ 23-24 มีนาคม 2560 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
รองศาสตราจารย์ ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 5 ประเทศ ของผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน และมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ ของอาเซียนมาโดยตลอด โดยประเทศไทยมีบทบาทโดดเด่นสำคัญหลายเรื่องในอาเซียน เช่น เป็นผู้เสนอการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area – AFTA) ทำให้ไทยค้าขายกับอาเซียนได้จำนวนมากและกลายเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 25% จากการค้าขายกับทั่วโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ในอนาคต
นอกจากนี้ไทยยังเป็นผู้ผลักดันสำคัญให้ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งปัจจุบัน 4 ประเทศกลุ่ม CLMV มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อไทย โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุนทางเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ไทยให้ความร่วมมืออย่างมากกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และสังคมวัฒนธรรม อันจะเห็นได้จากความตื่นตัวและการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทั้งจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตประเทศไทยจะต้องมีทักษะ ยุทธศาสตร์ และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เพื่อสามารถอยู่ในประชาคมอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืนในฐานะผู้มีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนอาเซียนตลอด 50 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ตรงกลางอาเซียน ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียนในอนาคต ดังนั้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยศูนย์อาเซียนศึกษา จึงได้จัดงาน “TU ASEAN Expo 2017” เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีอาเซียนขึ้น เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนไปสู่สาธารณชน และเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสังคมอาเซียน 4.0 ในอนาคต
ภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมมากมายที่รวบรวมสาระความรู้ และความบันเทิงเกี่ยวกับความเป็นอาเซียนเอาไว้แบบครบวงจรอาทิ งานสัมมนาให้ความรู้ทางวิชาการจากวิทยากรนานาชาติ ในหัวข้อ “50 ปีอาเซียน” และ “อาเซียน 4.0” การแสดงศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสินค้าอาเซียนมากมาย ตลอดจนนิทรรศการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วย นิทรรศการ “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” นิทรรศการ “ที่ที่พ่อไป” เป็นต้น
ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันอาเซียนกำลังขับเคลื่อนไปด้วยความร่วมมือกันระหว่าง 10 ประเทศสมาชิก เพื่อที่จะเปลี่ยนจากอาเซียน 3.0 ไปสู่อาเซียน 4.0 โดยมีแผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 หรือ AEC Blueprint 2025 ที่มุ่งเน้นความร่วมมือทางด้านการเกษตร สุขภาพ ดิจิทัล ภาคบริการ การพัฒนา SME และแรงงาน เน้นปัจจัย R&D วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนอาเซียนไปข้างหน้า ดังนั้นภาคการศึกษาจึงควรมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเกิดความตระหนักรู้ และความเข้าใจอาเซียนในแง่มุมต่างๆ โดยเฉพาะกรอบความร่วมมืออาเซียน อันจะช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนให้กับประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และยั่งยืน และมีพัฒนาการที่คู่ขนานกันระหว่าง “ประเทศไทย 4.0” กับ “อาเซียน 4.0”
สำหรับการจัดงาน “TU ASEAN Expo 2017” มุ่งหวังว่างานนี้จะเป็นงานที่ทุกคนมาแล้วได้รับสาระความรู้ รวมถึงความบันเทิงอันหลากหลายเกี่ยวกับอาเซียน โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับเรื่องอาเซียนในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา และทิศทางในอนาคต
นอกเหนือจากกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว มธ.ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจในด้านความเป็นนานาชาติ ผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมทางวิชาการกับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก อาทิ การทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ กว่า 300 แห่ง จาก 40 ประเทศทั่วโลกทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ครอบคลุมทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และอาเซียน โดยมีขอบเขตความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนนักศึกษา (Student exchange) การแลกเปลี่ยนอาจารย์ (Faculty exchange) การทำวิจัยร่วม (Research collaboration) การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ (Knowledge exchange) โดยในปี 2558 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีนักศึกษาต่างชาติทั้งเต็มหลักสูตรและแลกเปลี่ยนจำนวน รวมกว่า 1,400 คน และอาจารย์ต่างชาติมากถึง 200 คน จากความมุ่งมั่นดังกล่าว ส่งผลให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับคะแนนจากการประเมินโดยสถาบันจัดอันดับและประเมินมาตรฐานด้านการศึกษาระดับโลก (Quacquarelli Symonds: QS) ในด้านนานาชาติ ในระดับ 5 ดาว อันสะท้อนให้เห็นว่า มธ.เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีคุณภาพด้านการเรียนการสอน
ด้านนางฉมาพรรณ รังคะรัตน ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนหลักในการจัดงานครั้งนี้เปิดเผยว่า ไทยเบฟฯตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งในระดับประเทศและในภูมิภาคเพื่อให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งการทำงานร่วมกันกับชาติอาเซียนจะนำไปสู่การเชื่อมโยงของสังคมและการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในกรณีไทยเบฟฯนอกจากทำธุรกิจแล้วยังมีกิจกรรมด้านสังคม วัฒนธรรม ชีวิตและสิ่งแวดล้อมไปด้วย โดยช่วงปลายปี 2559 ได้เปิดตัวโครงการ EISA (Education Institute Support Activity) เพื่อสนับสนุนพัฒนาการด้านการศึกษา โดยให้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นหนึ่งในพันธมิตร ส่วนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ร่วมมือกันด้วย อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาของเยาวชนไทยที่จะต้องเติบโตเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศต่อไป
ส่วนการสัมมนาในครั้งนี้ ไทยเบฟฯมีความยินดีที่มาเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลัก เพราะเห็นถึงความสัมพันธ์ของไทยกับอาเซียน ซึ่งอาเซียนเป็นพื้นฐานของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ไทยเบฟฯมีการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นการสนับสนุนอาเซียนด้วย โดยได้จัดตั้งศูนย์ C asean ขึ้นในปี 2556 ให้เป็นพื้นที่สนับสนุนการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งขึ้น มีรูปแบบการดำเนินกิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise โดยไม่ได้มุ่งหวังในการสร้างผลกำไรสูงสุด แต่มีรายได้เพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์สามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ศูนย์ C asean มีพันธกิจหลัก คือ สร้างฐานองค์ความรู้ในอาเซียนด้านธุรกิจรุ่นใหม่ ศิลปะ และวัฒนธรรม สร้างเครือข่ายและกิจกรรมให้กับคนรุ่นใหม่ในอาเซียนเพื่อส่งเสริมให้เป็นพลเมืองอาเซียนที่ดี และเป็นพื้นที่เปิดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแบ่งปันแนวคิดระหว่างคนรุ่นใหม่ และเชื่อมต่อประสบการณ์จากภาคเอกชน แหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน
โดยภาพรวมกิจกรรมและบริการที่สำคัญของศูนย์ C asean ประกอบด้วย
*Knowledge Center แหล่งรวมองค์ความรู้และการวิเคราะห์ ข้อมูลทั้งด้านธุรกิจ ศิลปะ และวัฒนธรรม
*“Dream office” (Co-working Space) พื้นที่สร้างสรรค์ สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ พร้อมห้องประชุมและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
* C asean Academy แหล่งศึกษาที่ฉีกกรอบจากรูปแบบเดิมๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้โดยมุ่งเน้นด้านการพัฒนา ศักยภาพและเสริมทักษะที่จำเป็นต่อความต้องการ
ในศตวรรษที่ 21
* C asean Forum พื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากหลากหลายกลุ่มคน เพื่อให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนภูมิภาคต่อไปในอนาคต
*นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สร้างความเชื่อมโยงของ ASEAN Startup Ecosystem โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากทั่วภูมิภาคให้ความร่วมมือ และคำแนะนำ มีการสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุน หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรระดับประเทศมากมายไทย
อนึ่งงาน “TU ASEAN Expo 2017” จัดขึ้นในวันที่ 23-24 มีนาคม 2560 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯโดยมีนักวิชาการ นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ที่สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์อาเซียนศึกษา มธ. หมายเลขโทรศัพท์ 02-564-4444-79 ต่อ 1552-1554
หรือเข้าไปที่ www.facebook.com/CenterForAseanStudies