พม. จับมือภาคีเครือข่ายรณณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในกรอบ เคารพสิทธิส่วนตัว ให้เกียรติ ไม่ฉวยโอกาส และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยและความสุขของทุกคน ลดเสี่ยงเกิดทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ อุบัติเหตุทางถนนและการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเนื่องในวันสำคัญ “วันขึ้นปีใหม่” ตามประเพณีไทย ชี้ปี 2559 พบ ผู้หญิง 51.9% ถูกฉวยโอกาสคุกคามทางเพศระหว่างเล่นน้ำสงกรานต์
นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมด้วยนายบัณฑิต สอนไพศาล รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ภก. สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมเปิดตัวโครงการรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในกรอบ เคารพสิทธิส่วนตัว ให้เกียรติ ไม่ฉวยโอกาส และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย เป็นเทศกาลที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งในครอบครัว ชุมชน และสังคม แต่ในปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์มีการเปลี่ยนแปลงไป ในบางพื้นที่กลายเป็นเทศกาลที่เน้นความสนุกสนาน การดื่มสุรา การไม่เคารพให้เกียรติล่วงเกินสตรี ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ อุบัติเหตุทางถนน ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน และมักพบการลวนลามหรือคุกคามทางเพศจากผลการสำรวจ เมื่อปี 2559 พบว่า สตรีร้อยละ 51.9 เคยถูกฉวยโอกาสคุกคามทางเพศในระหว่างการเล่นน้ำสงกรานต์
นายไมตรี กล่าวต่อว่า หลายภาคส่วนจึงมีความตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) จึงร่วมกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำโครงการรณรงค์เพื่อยุติการคุกคามทางเพศในเทศกาลสงกรานต์ การสร้างกระแสให้การเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในกรอบเคารพสิทธิส่วนตัวให้เกียรติ ไม่ฉวยโอกาส และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้โครงการรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ”
โครงการดังกล่าว กำหนดให้มีกิจกรรมการรณรงค์ ดังนี้ 1) ในระดับประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ประสานทุกจังหวัด ให้มอบหมายพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ดำเนินการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส ยุติการคุกคามทางเพศ ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังรับแจ้งเหตุ ร่วมกับภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้าของทุกจังหวัด เพื่อประสานฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งมอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 เป็นหน่วยรับแจ้งเหตุด้วย 2) ในกรุงเทพมหานคร จะจัดกิจกรรมการเดินรณรงค์ ถือป้ายประชาสัมพันธ์ แจกสติ๊กเกอร์ เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ให้สังคมเกิดความตระหนัก ในวันอังคารที่ 11 เมษายน 2560 เวลา 11.00 น. บริเวณถนนข้าวสาร โดยมีจุดเริ่มที่ หน้า สน.ชนะสงคราม ซึ่งการรณรงค์นี้
“กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และองค์กรเครือข่าย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดกิจกรรมการรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ” จะทำให้การเล่นน้ำสงกรานต์มีความปลอดภัยต่อผู้หญิง เด็ก และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงช่วยสื่อถึงประเพณีวัฒนธรรมของสังคมไทย ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศต่อไป” นายไมตรี กล่าวในตอนท้าย
ด้านดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนั บสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และผู้อำนวยการสำนักสนับสนุ นการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก กล่าวว่า สสส.และภาคีเครือข่าย ได้รณรงค์กระตุ้นเตือนความปลอดภัยช่วงสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ Zoning เล่นน้ำปลอดภัยมากกว่า10ปี สอดรับนโยบายนายกรัฐมนตรีที่มุ่งไปสู่สงกรานต์ที่สร้างสรรค์ รักษาขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเปลี่ยนค่านิยม เช่น เล่นน้ำที่ไม่สร้างสรรค์ เกินเลย ฉวยโอกาส อนาจาร คุกคามทางเพศ
ที่สำคัญคือ มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอุบัติเหตุสะท้อนจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุทางถนน 3,447ครั้ง เสียชีวิต 442 ราย บาดเจ็บ 3,656 ราย สาเหตุอันดับหนึ่งจากการเมาสุรา ร้อยละ 34.09 รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 32.93 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ จักรยานยนต์ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่น(อายุ 15-24 ปี) สูงถึงร้อยละ 29.67 โดยวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงมักอยู่ในช่วงวันเล่นน้ำสงกรานต์ คือ วันที่ 13-15 เมษายน ยังไม่นับรวมปัญหาทะเลาะวิวาท ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายที่ เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น
“ขอให้คนไทยมาร่วมทำให้สงกรานต์เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัยถูกต้องดีงาม ไม่ขัดต่อศีลธรรม และปฏิบัติตามกฎหมาย เช่นไม่ดื่มสุราบนรถขณะอยู่บนทาง ดื่มไม่ขับ ไม่ขายสุราให้เด็กอายุต่ำกว่า20 ปีหรือคนเมาขาดสติ ไม่ขายนอกเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น รวมไปถึงการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่ งครัด เพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้นสูงจนประเมินค่าไม่ได้” ดร.นพ.บั ณฑิต กล่าว
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า มูลนิธิฯ ได้สำรวจทัศนคติผู้หญิงไทยต่อเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2559 จากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 1,793 ราย อายุระหว่าง 10-40 ปี พบว่า เกือบทั้งหมดหรือร้อยละ 85.9 เห็นว่าไม่ควรฉวยโอกาสลวนลามในช่วงสงกรานต์และควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน รวมทั้งยังพบกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่ง คือ ร้อยละ 51.9 เคยถูกฉวยโอกาสถูกลวนลามคุกคามทางเพศ เมื่อถามถึงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เคยเจอบ่อยที่สุดคือ ถูกฉวยโอกาสคุกคามทางเพศ ถูกก่อกวนจากคนเมาสุรา บังคับให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปัญหาการทะเลาะวิวาท เป็นต้น เมื่อพิจารณาในกลุ่มวัยรุ่นชายกับปัญหาการลวนลามคุกคามทางเพศ ในปี 2556 พบข้อมูลที่น่าตกใจว่าร้อยละ 43 มองว่าเป็นเรื่องปกติเป็นเทศกาลแห่งโอกาสใครๆก็ทำกัน โดยไม่ต้องสนใจกฎหมาย
“ปัญหาการคุกคามทางเพศสงกรานต์ เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงเครือข่ายได้รณรงค์มา 5 ปีแล้ว แต่2 ปีหลัง พบว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีบทบาทออกมาพูดถึงปัญหาการคุกคามทางเพศกันมากขึ้น โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาพูดว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มาในปีนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่มีบทบาทสำคัญและทางกรุงเทพมหานคร ก็ออกมาร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม มีทั้งการรณรงค์ การเฝ้าระวัง และมีศูนย์รับแจ้งเหตุเพื่อคุ้มครองผู้ถูกคุกคามทางเพศ ดังนั้นการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาสังคมออกมารณรงค์และแก้ไขปัญหาร่วมกันจะนำไปสู่ การสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมใหม่ โดยสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มาร่วมงานสงกรานต์ ทำให้การคุกคามทางเพศลดน้อยลง รวมทั้งปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย การทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคประชาสังคมถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับผู้มาเที่ยวและเล่นน้ำสงกรานต์ว่าเป็นเทศกาลแห่งความสุขไม่ใช่เทศกาลแห่งการฉวยโอกาสของผู้ที่จะมาคุ กคามทางเพศ” นายจะเด็จ กล่าว