ธ.กรุงเทพเปิดผลดำเนินงาน
Q1/60กำไรสุทธิ8,305ล้าน
ในไตรมาส 1 ปี 2560 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการขยายตัวของการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างช้าๆ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้นแต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารกรุงเทพและบริษัทในเครือจึงยังคงยึดหลักการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง
พร้อมทั้งรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นและการขยายธุรกิจในอนาคต เพื่อให้ธนาคารมีเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน
ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้ ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2560 จำนวน 8,305 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ปีก่อนที่ 8,317 ล้านบาท โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 16,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.35 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 10,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 โดยเพิ่มขึ้นที่ค่าธรรมเนียมจากบริการกองทุนรวมและบริการประกันผ่านธนาคาร และค่าธรรมเนียมจากบริการอิเล็กทรอนิกส์และการโอนเงิน ขณะที่กำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศและกำไรสุทธิจากเงินลงทุนลดลง สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 11,082 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.8 จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายประมาณการหนี้สินสำหรับภาระผูกพันลดลง
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,923,953 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.9 จาก สิ้นปี 2559 โดยเป็นการลดลงของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก สินเชื่อลูกค้าบุคคล และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 มีจำนวน 77,772 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.5 ของเงินให้สินเชื่อรวม ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปี 2560 มีการตั้งสำรองจำนวน 5,806 ล้านบาท ทำให้เงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัย จะสูญของธนาคารอยู่ที่ 124,446 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.5 ของเงินให้สินเชื่อ
ด้านเงินกองทุน หากนับกำไรสุทธิสำหรับงวดกรกฎาคมถึงธันวาคม 2559 และกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2560 หักด้วยเงินปันผลที่จะจ่ายในเดือนพฤษภาคม 2560 รวมเข้าเป็นเงินกองทุนแล้ว อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 19.0 ร้อยละ 17.2 และร้อยละ 17.2 ตามลำดับ สำหรับส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 มีจำนวน 385,910 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.9 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 202.17 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 3.61 บาท จากสิ้นปี 2559