สธ.สร้างภูมิคุ้มกันโรคทุกกลุ่ม
ดันวัคซีนใหม่เข้าชุดพื้นฐาน
สธ.ห่วงประชาชนทุกกลุ่มวัยให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรค มอบสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ศึกษาวิจัยจัดทำข้อเสนอนำวัคซีนใหม่บรรจุแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2560 – 2564) ปี 2560 คือ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ส่วนในปี 2561 – 2564 ทราบผลปลายปีนี้ กรมควบคุมโรคมุ่งสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพิ่ม ใน 2 กลุ่มคือ กลุ่มวัยทำงานให้ได้รับวัคซีนคอตีบและบาดทะยักในคลินิกผู้ใหญ่และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทั้งปี นำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกยังมีเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบสูงถึง 19.4 ล้านคน องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน 24–30 เมษายน 2560 เป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโลก (World Immunization Week) เพื่อให้ประเทศสมาชิกเร่งรณรงค์ การใช้วัคซีนป้องกันโรคแก่คนทุกวัย เนื่องจากวัคซีนเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการป้องกันควบคุมโรค การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้กับประชาชนเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจะช่วยลดปัญหาการระบาดของโรคในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน บรรลุเป้าหมายป้องกันการเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนในปี 2563
สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนมาตั้งแต่ พ.ศ.2520 ปัจจุบันเด็กได้รับวัคซีนป้องกันโรคทั้งสิ้นรวม 10 โรค ได้แก่ วัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน คางทูม และไข้สมองอักเสบเจอี อัตราการให้วัคซีนความครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 90 มาตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ทำให้สถานการณ์โรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนของไทยลดลงจนไม่เป็นปัญหาสาธารณสุข โดยเฉพาะการกำจัดโรคโปลิโอที่ไม่พบผู้ป่วยมา20ปี ล่าสุดในปีนี้ได้เตรียมจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ให้แก่นร.หญิงชั้นป.5 ทุกคน สิ่งสำคัญคือขอให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนพื้นฐานให้ ครบตามช่วงอายุที่กำหนดฟรี ที่สถานพยาบาลรัฐใกล้บ้านทุกแห่ง
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกลกล่าวต่อว่า สำหรับวั คซีนใหม่ๆ ที่จะนำมาบรรจุในแผนงานสร้ างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในการนำวัคซีนใหม่บรรจุในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2560 – 2564) ซึ่งในปี 2560 คือ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ส่วนในปี 2561 – 2564 จะทราบผลในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรคขยายการสร้ างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้ ครอบคลุมมากขึ้น ใน 2 กลุ่มคือ กลุ่มวัยทำงาน ให้ได้รับวัคซีนคอตีบและบาดทะยั กกระตุ้นทุก 10 ปี ในคลินิกผู้ใหญ่ และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ให้วัคซี นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลตลอดทั้ งปี ขณะนี้ได้ดำเนินการนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช
สำหรับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี ได้แก่ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปีทุกคน ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ธาลัสซีเมียผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคอ้วน โดยในปี 2560 กำหนดรณรงค์ให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน ระหว่างเดือนมิถุนายน–สิงหาคม