จีนครองแชมป์ซื้ออสังหาฯไทย
เหตุถูกกว่าจีน20%คาดปี60โต30%
“ไป่ตู้ ประเทศไทย” เผยปี59 จีนครองแชมป์ซื้ออสังหาฯไทย เน้นซื้อเพื่อลงทุนมากถึง 51.8% ติดอันดับ 1 ใน10 ของโลก และอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่นและมาเลเซีย เหตุราคาที่ดินในไทยยังถูกกว่าจีนถึง 20% และมีการเติบโตและการแข่งขันสูง อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการจากประเทศจีนลงทุนด้านฐานการผลิตในไทยเพิ่ม โดยในปี 2559 มีเงินลงทุนจีนทำธุรกิจในไทยกว่า 24,000 ล้านบาท จึงมั่นใจอสังหาฯซื้อแล้วแม้เปลี่ยนมือยังทำราคาได้ดี คาดปี60โตต่อเนื่องแตะ30% แนะผู้ประกอบการใครไวเข้าถึงลูกค้าได้เร็ว
นางสาวพัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ บริษัท ไป่ตู้ ประเทศไทย จำกัด ผู้ให้บริการด้านโปรแกรมช่วยการสืบค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ผ่านบริการ “ไป่ตู้แอสเซส”เปิดเผยว่าเนื่องจากในปี2559 ที่ผ่านมาอสังหาริมทรัพย์ไทย มียอดการซื้อขายโดยชาวจีน สูงเป็นอันดับ 1 แบ่งเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 51.8% อันดับที่ 2 ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 38.8% และอันดับที่ 3 ซื้อเพื่อรองรับการย้ายที่อยู่อาศัย 7.8 %
ทั้งนี้ชาวจีนที่มีความสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ยังติดอันดับ1 ใน 10 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชียรองจาก ญี่ปุ่น และมาเลเซีย อีกด้วย โดยทางไป่ตู้ ได้วิเคราะห์การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของชาวจีน พบว่ามีความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากที่ดินในประเทศจีนมีราคาที่สูงกว่าที่ดินในประเทศไทยประมาณ 20% อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโต และมีการแข่งขันสูง ทำให้ชาวจีนจำนวนมากเลือกที่จะเข้ามาลงทุนกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่นในเอเชีย โดยเชื่อว่า ระดับราคาของอสังหาริมทรัพย์มีผลต่อการขายต่อ การเปลี่ยนมือ และการทำกำไร โดยนักลงทุนชาวจีนมักจะเลือกช่องทางการซื้ออสังหาริมทรัพย์ผ่านนายหน้า
นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นที่น่าจับตาในปัจจัยทางด้านการลงทุนจากชาวจีน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีผู้ประกอบการจากประเทศจีนลงทุนด้านฐานการผลิตที่ประเทศไทยจำนวนมาก โดยในปี 2559 มีเงินลงทุนจากชาวจีนที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยกว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินการลงทุนที่มากเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีการคาดการณ์อีกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะมีอัตราการเติบโตอีกราว 30% ในปี 2560
ไป่ตู้ ฯแนะนำผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ศึกษาพฤติกรรมลูกค้าชาวจีน เพื่อการรองรับการขยายตัวของธุรกิจอสังหาฯ ในประเทศไทยต่อไป ซึ่งการให้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือการโฆษณาเพื่อสร้างการจดจำและความน่าเชื่อถือที่ดีของลูกค้าชาวจีนที่มีต่อการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ในไทยนั้น สามารถทำได้หลากหลายช่องทาง เพราะในปัจจุบันการสื่อสารทางออนไลน์ มีความเร็วและง่ายที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย