สธ.-สปสช.เผยรัฐหนุนประกันสุขภาพ
เน้นด้านส่งเสริม-ป้องกัน-คุ้มครอง
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เผยรัฐบาลสนับสนุนการดำเนินงานโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เน้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค มีประชาชนรับสิทธิประมาณ 47 ล้านคน เพิ่มงบจาก 600 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 900 ล้านบาทในปี2560นี้ โครงการได้ผลเป็นรูปธรรมชัดเจน อาทิ โครงการคลินิกหมอครอบครัว ระบบการดูแลระยะยาวผู้สูงอายุที่ติดบ้านติดเตียง ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และส่งเสริมระบบการดูแลระยะยาว (Long Term Care) อีกทั้งครม.ยังอนุมัติตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอเพื่อบูรณาการงบประมาณและทรัพยากรต่างๆของหน่วยงานภาครัฐ ประชาชน เอกชน เป็นการทำงานแบบประชารัฐ พร้อมชูยุทธศาสตร์เป็นเลิศด้านบริการ
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและนายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุ ขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมแถลง “ความจริงหลักประกันสุขภาพแห่ งชาติ”เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนที่อาจสับสนจากข้อมูลที่แชร์กันทางสื่อออนไลน์
โดยรัฐบาลเพิ่มงบจาก 600 ล้านบาทในปี 2559 และเพิ่มเป็น 900 ล้านบาทในปี2560นี้ รวมทั้ง ครม.ได้อนุมัติให้มีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (District Health Board : DHB)เพื่อบูรณาการงบประมาณและทรัพยากรต่างๆของหน่วยงานภาครัฐ ประชาชน เอกชน เป็นการทำงานแบบประชารัฐ ในด้านการป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพประชาชนในระดับอำเภอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับยุทธศาสตร์พัฒนาความเป็นเลิศด้านการบริการ เมื่อประชาชนเจ็บป่วยให้ได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดูแลรักษาขั้นต้น พัฒนาโรงพยาบาลชุมชนให้เป็นโรงพยาบาลประชารัฐ เป็นโรงพยาบาลที่มากกว่าโรงพยาบาล คือ ให้ชุมชนมีส่วนร่วม และการดูแลผู้ป่วยที่พ้นระยะวิกฤตกลับมาดูแลใกล้บ้าน เตรียมความพร้อมญาติในการดูแลผู้ ป่วยที่บ้าน และติดตามดูแลต่อเนื่อง มีระบบส่งต่อเชื่อมโยงไปสู่ โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป และมีความร่วมมือกับโรงพยาบาลรั ฐสังกัดอื่นๆ รวมทั้งเลือกเทคโนโลยีเครื่องมื อแพทย์ ยา ที่เหมาะสมกับประเทศไทยในการดู แลประชาชนด้วยราคาที่สมเหตุ สมผลที่สุด ปรับระบบการรักษาผ่าตัด 1 วันกลับบ้านได้ไม่ต้ องนอนโรงพยาบาล
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายให้คนไทยสุขภาพดี อายุยืนยาว 80 ปีโดยที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนประเทศสู่ ประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายรัฐบาล เน้น “การสร้างนำซ่อม” ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินงานโครงการต่างๆ อาทิ การพัฒนาเด็กไทย 4 H ร่วมกับ 4 กระทรวงหลัก มีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอช่วยสนับสนุน กลุ่มวัยเรียน ให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเด็กนร.หญิงป.5 คาดเริ่มได้เดือนกรกฎาคมนี้
สำหรับกลุ่มวัยรุ่นได้ออกพระราชบัญญัติป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น วัยทำงานเน้นการส่งเสริมสุ ขภาพป้องกันโรคจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ ลดโรคเรื้อรัง ค้นหากลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เพื่อชะลอไตเสื่อม และการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในปี 2561 กลุ่มผู้สูงอายุได้จัดระบบการดู แลระยะยาว มีทีมหมอครอบครัวลงไปให้การดู แลกลุ่มติดบ้านติดเตียงที่บ้าน
การพัฒนาระบบบริการ เน้นระบบสุขภาพปฐมภูมิ ด้วยคลินิกหมอครอบครัว เพื่อลดแออัด ลดป่วย ลดค่าใช้จ่าย ให้คนไทยมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแล 6,500 คนภายใน 10 ปี ให้โรงพยาบาลชุมชนเป็นโรงพยาบาลประชารัฐ และเป็น intermediate care ดูแลผู้ป่วยที่พ้นระยะวิกฤต และขณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่ งสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือด ช่วยลดการตายจากโรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบและแตก การจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่”(UCEP)ช่วยชีวิตผู้ป่ วยในระยะวิกฤต ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในแต่ละภู มิภาคผลิตและพัฒนาบุคลากร เพิ่มการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินประจำห้องฉุกเฉินรพ.รัฐ และผลิตแพทย์ด้านระบาดวิทยา เพื่อป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ อาทิ MERS EBola
ด้านการสร้างความยั่งยืนของระบบสุขภาพ ร่วมกันทำงาน คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดั บอำเภอ DHB นโยบายการใช้ยาสมเหตุผลในโรงพยาบาลออกพ.ร.บ. ควบคุมส่งเสริมการตลาดนมผง พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบ พ.ร.บ.ป้องกันการตั้งครรภ์ในวั ยรุ่น การแก้พ.ร.บ.หลักประกันสุ ขภาพแห่งชาติสำหรับโรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 5,000 ล้านบาท จะจัดสรรงบประมาณภายใน 1- 2 สัปดาห์นี้ รวมทั้งการเพิ่มอัตราข้าราชการพยาบาล เป็นต้น
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุ ขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ประชาชน คือหัวใจสำคัญของระบบหลักประกั นสุขภาพถ้วนหน้าที่เราได้ก่อรู ปกันขึ้นมา โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องตอบโจทย์คือประชาชนได้อะไร คำตอบคือการสร้างความมั่นคงของระบบหลักประกันด้านสุ ฃขภาพให้ให้ประชาชนทุกคนที่เป็นคนไทย มีความมั่นคงในเรื่องสุขภาพรูปธรรมภายใต้แนวคิดนี้ จะมีคำที่สำคัญๆ ที่เป็นหัวใจ คือ 1.การเข้าถึงบริการมี 5 มิติ คือ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค
2. บริการมีคุณภาพซึ่งความร่วมมื อระหว่าง สปสช.และสธ.จะทำให้เกิดคุ ณภาพของการให้บริการ อะไรที่เป็นความร่วมมือจะบอกถึ งความต้องการของ 2 ส่วนที่เกิดความสมดุล ว่าประชาชนยังขาดอะไร ยังต้องการอะไร หน่วยบริการสามารถให้คุณภาพนั้นกับความต้องการได้หรือเปล่า เช่น การพัฒนาในเรื่องการผ่าตัดวันเดียวในหลายๆ โรคขณะนี้เราพัฒนาขึ้นมาได้ สปสช.ก็ต้องออกแบบการจ่ายเงินให้หน่วยบริการ เพื่อทำให้ประโยชน์ ของประชาชนเกิดขึ้น นี่คือตัวอย่างรูปธรรมของคุณภาพที่ประชาชนจะได้รับในเรื่องการรักษาพยาบาล 3.การป้องกันการล้มละลายจากโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ต้องออกแบบร่วมกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เป็นภาระประชาชนในเรื่องค่าใช้จ่าย
รัฐบาลดำเนินการตามหลักสากล คือ เน้นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นหัวใจ โดยปีนี้ได้เพิ่มสัดส่วนงบประมาณในด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไม่ให้ต่ำกว่า 10% และพยายามเพิ่มให้ถึง 15% ส่วน เรื่องเครื่องมือป้องกันโรค ที่ชัดเจนก็คือวัคซีนต่างๆที่เราให้ประชาชน ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มะเร็งปากมดลูก วัคซีนป้องกันคอตีบ และทุกตำบลขณะนี้มีกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ที่ดำเนินงานในเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามความเหมาะสมของบริบทในพื้นที่ เสริมระบบแกนหลักที่จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ในเรื่องผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่พึ่งพาตั วเองไม่ได้ กลุ่มติดบ้านติดเตียง ซึ่งอาจทำให้ครอบครัวล้ มละลายหรือมีปัญหาได้ ตรงนี้ก็ต้องมาจัดระบบการดูแลร่วมกันระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้ องและการออกแบบในเรื่องการเงิน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งซึ่งเดินหน้าไปภายใต้ข้อมูลทางวิชาการและความต้องการจากประชาชนผู้รับบริการ และภายใต้ความพร้อมของระบบบริการที่จะต้องสอดคล้องกับความต้องการเหล่านี้ในแต่ละช่วงเวลา ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และต้องแบ่งสรรไปตามส่วนต่างๆตามความเหมาะสม และส่วนสำคัญคือ อย่างน้อยตอนนี้มีความร่วมมือในเชิงบริหารจัดการ ตรงนี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ มที่สำคัญในเรื่องการใช้เงินเพื่อจัดระบบบริการเพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนภายใต้เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ