พม.ร่วมภาคีเมืองนนท์เพาะต้นกล้า
เร่งสร้างกลไกต้านค้าประเวณี
นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการขยายผลต้นกล้าครอบครัวในชุมชน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการค้าประเวณี ประจำปี 2560 สร้างความรู้ ความเข้าใจ เสริมทักษะในเรื่องเพศ ให้กลุ่ม “วัยใส” หรือเด็กนักเรียนชั้นประถมปลาย หรือวัยใส สกัดการถูกล่อลวง หรือล่วงละเมิดทางเพศและไม่ถูกชักนำเข้าสู่กระบวนการค้าประเวณี โดย นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรีเป็นผู้กล่าวรายงาน ณ โรงเรียนสหศึกษา ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ชี้เด็กเรียนจบแล้ว ไม่ได้เรียนต่อ เป็นกลุ่มเสี่ยง
นายเลิศปัญญา กล่าวว่า กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับใช้ เพื่อเป็นกลไกด้านกฎหมายสำหรับใช้ในการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มีเจตนารมณ์เพื่อลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี รวมถึงมีการกำหนดมาตรการในการบำบัด ฟื้นฟู พัฒนาอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ถูกแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี
ทั้งนี้ ภายใต้สภาวะแวดล้อมและบริบทในสังคมไทยปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไป มีความซับซ้อนและหลากหลายและสุ่มเสี่ยงต่อการดำเนินชีวิตของเด็กและเยาวชนในครอบครัวมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นหญิงจำเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ เรียนรู้สังคม และต้องสามารถปรับตัว พัฒนา เปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างเหมาะสม เพราะถ้าหากเด็กกลุ่มนี้มีพื้นฐานการปรับตัวหรือเพศสภาวะไม่ดีพอ อาจจะทำให้ไม่รู้เท่าทันสังคม หรือมีความประพฤติที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของตนเอง เช่น หลงใหลในวัตถุ และพฤติกรรมบริโภคนิยม ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกล่อลวง ล่วงละเมิดทางเพศเพียงเพื่อต้องการเงินมาซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ได้
นายเลิศปัญญา กล่าวต่ออีกว่า เมื่อต้นปี 2560 (วันที่ 21 ก.พ. 2560) สค. ได้มีการจัดการฝึกอบรมต้นกล้าครอบครัว เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการค้าประเวณีโดยได้พัฒนาและจัดทำคู่มือหลักสูตรดังกล่าวขึ้น เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณี และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีให้กับผู้ปฏิบัติงานของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวของ สค. ทั้ง 8 แห่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะและสามารถนำไปปรับใช้สำหรับดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.)
หลักสูตรดังกล่าวมีเนื้อหาการเรียนรู้เรื่องเพศสำหรับกลุ่มวัยใส (นักเรียนชั้น ป. 4 – ป. 6) โดยการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรจะคำนึงถึงวิถีชีวิต สังคม และประเพณีในท้องถิ่น ตระหนักถึงความจำเป็นและความสำคัญในการสอน หรือจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาในชุมชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เสริมทักษะ และความตระหนักในเรื่องเพศ ให้กับเด็กประถมปลาย หรือวัยใส เพื่อป้องกันมิให้ถูกล่อลวง/ล่วงละเมิดทางเพศ ตลอดจนไม่ถูกชักนำเข้าสู่กระบวนการค้าประเวณี
ทั้งนี้สค. โดย ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบลบางบัวทอง โรงเรียนสหศึกษาบางบัวทอง และทีมกลไก One Home จังหวัดนนทบุรี ได้ต่อยอดโดยจัดโครงการขยายผลต้นกล้าครอบครัวในชุมชน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการค้าประเวณี ประจำปี 2560 ซึ่งมุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ด้วย 4 กิจกรรม สำคัญ ได้แก่ 1) กิจกรรมการเสริมสร้างความตระหนักในตนเอง 2) กิจกรรมการสร้างคุณค่าในตนเอง 3) กิจกรรมทักษะในการป้องกันตนเอง และ 4) กิจกรรมแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม
“วันนี้เป็นการนำหลักสูตรที่จัดทำขึ้นมาขยายผล ให้ความรู้แก่เด็กชั้นประถมตอนปลาย ซึ่งเป็นต้นกล้าที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เพราะท่ามกลางสังคมยุคโซเชียลในปัจจุบันอาจทำให้เด็ก ๆวัยหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ถูกล่อลวงและนำสู่การค้าประเวณีได้ พม.จึงทำงานบูรณาการทุกภาคส่วนอบรมเด็ก ๆ เพื่อสร้างความตระหนักให้เด็ก ๆ รู้ว่า การใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้ถูกหลอกไปค้าประเวณี ซึ่งจะมีการประเมินผลและอาจนำสู่การถอดบทเรียน เพื่อประเมินความสำเร็จและปรับปรุง ว่าเด็ก ๆ มีการรับรู้มากน้อยอย่างไร
ในปี 2561 จะขยายผลจากเด็กกลุ่มนี้ไปยังเด็กที่เติบโตขึ้นมา เป็นระดับมัธยม เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ซึ่งพม.มีศูนย์เรียนรู้ 8 ศูนย์ครอบคลุมทั้งประเทศ เวลานี้เริ่ม 15 จังหวัดและจะขยายไปทั่วประเทศ”
นายเลิศปัญญายังชี้ว่า กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กที่ศึกษาจบแล้วและไม่ได้ศึกษาต่อ ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบเร่งแก้ไขด้วย จากการที่เด็ก ๆ กลุ่มนี้ถูกหลอกไปยังแหล่งขายบริการ นำสู่การค้าประเวณี ดังนั้นสิ่งที่คาดหวังจากโครงการนี้คือ ชุมชนจะสามารถปกป้องเด็ก ๆ ได้ เพราะจะรู้่า มีการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนย้ายแรงงานอะไรบ้าง ในชุมชน
ส่วนการคาดหวังนั้น มุ่งให้เด็ก ๆ และสตรีจะได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีกฎหมายการค้าประเวณี ปี 2539อยู่ และตอนนี้พม.ยังทำงานร่วมกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยอนุกรรมการกิจการสตรี ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้ อาจเพิ่มโทษผู้เป็นธุระจัดหาจัดการ สถานประกอบการและผู้ที่ไปใช้บริการ ถ้าหยุดตรงนี้ได้ กระบวนการค้ามนุษย์ ค้าประเวณีจะไม่เกิดขึ้น”
“ขอขอบคุณองค์การบริหารส่วนตำบลบางบัวทอง และทีมกลไก One Home จังหวัดนนทบุรี ที่ให้ความร่วมมือกับ สค. ในการขับเคลื่อนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ร่วมกันมาโดยตลอด ได้แก่ โครงการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว (ค่ายครอบครัว), โครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว, โครงการรวมกลุ่มประกอบอาชีพ ๑๑๐ วัน และโครงการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพเพิ่มทางเลือกสร้างรายได้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์และการถูกล่อลวง (โครงการฝึกอาชีพระยะสั้น ๑๐ วัน) ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบล บางบัวทอง ได้ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา”
ด้านนายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางบัวทอง กล่าวว่า กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่อบต.บางบัวทองได้แก่ สตรี เด็กและเยาวชน และยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งชุมชนนี้ถือเป็นทางผ่าน เพราะอำเภอบางบัวทองมีถนนที่สามารถผ่านได้ทุกทิศทาง แต่ในพื้นที่มีการเฝ้าระวัง อาทิ มีการติดกล้องCCTV มีวิทยุประชาสัมพันธ์ชุมชน และเวลานี้เราตระหนักถึงเด็กและเยาวชน ว่าทำอย่างไรจะทำให้เด็กต้นกล้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ซึ่งได้ให้นโยบายเรื่อง “4 กล้า 3 รู้ 4ดี”
“4 กล้า คือ กล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าวิเคราะห์ กล้าเป็นผู้นำ
3 รู้ คือ ครูรู้ เด็กรู้ ผู้ปกครองรู้
4 ดี คือ คิดดี ทำดี ใจดี พูดดี
นี่คือสิ่งที่เราจะปลูกฝังเป็นนโยบายการศึกษา ให้เด็กเป็นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ซึ่งถือเป็นนโยบายภาครัฐด้วย ที่เรานำมาปฏิบัติ ต้องช่วยกันปลูกฝังและต้องการความร่วมมือของทุกคน ดัง “3รู้” ถ้ารวมกันได้จะช่วยป้องกันต้นกล้าของเราให้แข็งแรงได้ ปรับตัวเข้ากับสังคมยุคปัจจุบัน สื่อโซเชียล เพราะหากอบรมไป แต่ผู้ปกครองไม่สนใจก็จะไม่ประสบความสำเร็จได้
ขอบคุณท่านอธิบดีที่เห็นความสำคัญของเด็กและเยาวชน ให้โอกาสเด็กและเยาวชนของที่นี่ สำหรับโรงเรียนในพื้นที่อ.บางบัวทองมีทั้งหมด 3 โรงเรียน โดยโรงเรียนสหศึกษาเป็นโรงเรียนนำร่อง ให้การศึกษาและเป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อไม่ให้เด็กออกไปนอกพื้นที่ ปีหน้าจะขยายโอกาสไปถึงม.3″