เชียงรายยกสุดยอดกาแฟจาก9ดอย
‘Chiang Rai ASEAN Coffee&Tea2017’
จังหวัดเชียงราย ดินแดนแห่งการปลูกกาแฟอาราบิก้าที่ดีที่สุดในเมืองไทย ยกขบวนนำสุดยอดกาแฟอาราบิก้าจาก 9 ดอยสูง ออกโชว์ในงาน Chiang Rai ASEAN Coffee & Tea 2017 ตอกย้ำศักยภาพการเป็นแหล่งผลิตกาแฟอาราบิก้าที่ดีที่สุดของไทยและมีชื่อเสียงระดับโลก พบกาแฟเกอิชา กาแฟชั้นเลิศของโลก ราคากิโลกรัมละ 7-8 พันบาท ซึ่งนำมาปลูกและได้ผลผลิตที่ดอยช้าง และสุดยอดกาแฟไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในระดับสากลจากสหภาพยุโรป
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “CHIANG RAI ASEANCOFFEE&TEA2017” พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตกาแฟอินทรีย์รักษาป่าในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย ” ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตรกับมูลนิธิสายใยแผ่นดิน และเป็นประธานมอบใบ Certificate of Origin Chaing Rai Coffee แก่ผู้ประกอบการที่ใช้กาแฟ จากถิ่นปลูกในจังหวัดเชียงราย โดยมีนายสุเทพ ทิพย์รัตน์ เกษตรจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ณ บริเวณชั้น G ควอเทียร์ อเวนิว ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์(2ก.ย.) ที่ผ่านมา
นายสมชาย กล่าวว่า การปลูกกาแฟในพื้นที่ภาคเหนือ เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชวิสัยทัศน์กว้างไกล และพระราชดำริให้นำเมล็ดกาแฟไปส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงในภาคเหนือนำไปปลูกเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น แก้ปัญหายาเสพติด การตัดไม้ทำลายป่า และความยากจน
กระทั่งปัจจุบัน จังหวัดเชียงรายนับเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟอาราบิก้าแหล่งใหญ่ที่สุดและดีที่สุดของประเทศไทย โดยทางจังหวัดได้เดินตามรอยสืบสานแนวพระราชดำริ ด้วยการกำหนดให้กาแฟอาราบิก้า/ชา เป็นพืชยุทธศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัด และจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมอย่างเป็นระบบแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ภายใต้แนวคิดการผลิตเกษตรยั่งยืน ไม่ทำลายระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน รวมถึงยังมีการพัฒนามาตรฐานการแปรรูปและสร้างเครือข่ายเพื่อก้าวสู่การค้าในระดับสากล
“การจัดงาน “Chiang Rai ASEAN Coffee&Tea 2017” นอกจากจะเป็นการนำสุดยอดกาแฟอาราบิก้าจากสุดยอดแหล่งปลูกของเมืองไทยมาแนะนำให้ผู้บริโภคกาแฟในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีการบริโภคกาแฟแล้ว ยังเป็นการแสดงศักยภาพของกาแฟจากจังหวัดเชียงราย ที่ปัจจุบันมีมาตรฐานการผลิตและการตลาดในระดับโลก ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นด้วย” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
ด้าน นายสุเทพ ทิพย์รัตน์ เกษตรจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการจัดงาน “Chiang Rai ASEAN Coffee & Tea 2017” ว่า นับเป็นการจัดงานเทศกาลชาและกาแฟของจังหวัดเชียงรายนอกพื้นที่เป็นครั้งแรก โดยการจัดงานนี้ที่จังหวัดเชียงรายนั้น ได้จัดต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว ส่วนการจัดงานที่กรุงเทพฯ นั้น ทางจังหวัดได้เตรียมกิจกรรมต่างๆ มาจัดแสดงและแนะนำเป็นพิเศษ ทั้งนิทรรศการ “ตามรอยที่พ่อสร้าง”
นิทรรศการเกี่ยวกับการปลูกกาแฟบนพื้นที่สูงของจังหวัดเชียงราย พร้อมการแสดงและการแนะนำกิจกรรมการผลิตกาแฟจากชุมชนต่างๆ บนพื้นที่สูง เช่น กระบวนการผลิตกาแฟแฮนด์เมดตามวิถีชาวม้ง โดยมีไฮไลท์เป็นการแสดงเดินไม้โกงเกงความสูง 5 เมตร ที่หาชมได้ยาก นิทรรศการเพื่อแสดงศักยภาพการผลิตกาแฟของจังหวัดเชียงราย การเปิดเวทีแลกเปลี่ยน พบปะ เรียนรู้ ระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และภาคธุรกิจ การจัดกิจกรรมแนะนำผลิตผลกาแฟและชาของจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคชาวกรุงเทพฯ ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวทั่วไป นิทรรศการแนะนำและให้ความรู้ด้านการปลูกกาแฟ การออกร้านจำหน่ายผลิตผลสุดยอดกาแฟอาราบิก้าจาก 9 ดอยของจังหวัดเชียงราย ซึ่งในจำนวนนี้มีสุดยอดกาแฟที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI จากสหภาพยุโรปด้วย คือกาแฟดอยช้างและกาแฟดอยตุง
นอกจากนี้ยังมีกาแฟ “เกซา” หรือ “เกอิชา” ซึ่งเป็นกาแฟอาราบิกาชั้นเลิศของโลก สายพันธุ์จากประเทศเอธิโอเปีย ที่นำมาปลูกบนดอยช้างและให้ผลผลิตได้ดี เป็นกาแฟที่ให้รสอ่อน ไม่ขม รสชาติจะออกหวานคล้ายส้ม และให้กลิ่นอ่อนของผลไม้ มีเอกลักษณ์เฉพาะ
อนึ่งเกษตรจังหวัดเชียงรายยังเปิดเผยด้วยว่า ปัจจุบันเป็นแหล่งปลูกกาแฟอาราบิก้าใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในประเทศไทย โดยมีสภาพพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟอาราบิก้า เพราะพื้นที่ปลูกนั้นอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร จึงมีสภาพภูมิอากาศและสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์ จากสถิติในปี 2559 พบว่า มีพื้นที่ปลูกกาแฟรวมกว่า 38,000 ไร่ โดยเป็นต้นกาแฟที่ให้ผลผลิตมากกว่า 33,000 ไร่ ปริมาณผลผลิตประมาณ 4,300 ตันต่อปี