เปิด ‘Smart SMEs Smart START UP’
หนุนธุรกิจสู่ Innovation Hubไทย
“ธนาคารออมสิน” เปิดฉากยิ่งใหญ่จัดงาน “Smart SMEs Smart START UP” ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนักธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ ดันเป็น Innovation Hub ไทย พร้อมต่อยอดนโยบายพัฒนาประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 ระหว่างวันที่ 1 – 3 ธันวาคม นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้ประกอบการSMEsและSTART UP ได้มีโอกาสแสดงออกถึงแนวคิดพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงแสวงหาสิ่งที่ขาด หาพันธมิตร และเข้าถึงสินเชื่อสำหรับทำธุรกิจ ปัจจุบันมีSMEs คิดเป็น99.7% ของผู้ประกอบการทั้งหมด มีส่วนผลักดันเศรษฐกิจ 42.2%ของGDP
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Smart SMEs Smart START UP” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 3 ธันวาคม 2560 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีธนาคารออมสินเป็นผู้จัดงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับผู้ประกอบการในธุรกิจ SMEs และ Startup จากองค์กรแบบดั้งเดิมหรือ Traditional เป็นองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม หรือ Smart Enterprise โดยนำการศึกษาวิจัยและเทคโนโลยีมาใช้ พร้อมผลักดันให้เป็นองค์กรที่มีมูลค่าทางธุรกิจที่สูงขึ้น หรือ High Value โดยธนาคารออมสินพร้อมเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อเร่งผลักดันให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นแหล่งสร้างงานและมีส่วนสำคัญช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ โดยเอสเอ็มอีคิดเป็น 99.7% ของผู้ประกอบการทั้งหมด และผลสำรวจในปี 2559 ยังพบว่า เอสเอ็มอีมีส่วนทำให้เกิดการจ้างงาน 7.8-7.9% และมีส่วนผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวม(GDP) ของภาคเอสเอ็มอี คิดเป็น 42.2%
จากเหตุดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีการดูแล ทั้งในด้านการเงิน สินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ค้ำประกันสินเชื่อ สร้างกองทุนร่วมทุน รวมถึงมาตรการด้านการคลัง หรือด้านภาษี ในส่วนของ Startup มีการดูแล ทั้งด้านสินเชื่อ การมีกองทุนร่วมทุน มาตรการด้านภาษี เช่น มียกเว้นภาษีและลดหย่อน สำหรับ Startup ที่มีนวัตกรรม มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 20% การลดหย่อนภาษี 1 ปีเมื่อเข้ามาอยู่ในระบบ
“การดำเนินการเหล่านี้เพื่อปูพื้นฐานให้เอสเอ็มอีมีความมั่นคง เป็นหลักของเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า รัฐบาลนี้เอาจริงในด้านช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้มีรายได้น้อย”
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า “งานนี้จำเป็นต้องการความร่วมมือ การบูรณาการของทุกภาคส่วนมาช่วยกัน ทั้งภาคประชาชน เอกชน และรัฐ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จะมาดูแลกลุ่มเริ่มต้นธุรกิจ ที่เรียกว่า โครงการพี่ดูแลน้อง ซึ่งรัฐจะดูแลด้านภาษีให้ นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรม มีหน่วยงาน อย่าง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) มาช่วยดูแลด้านการอบรม บ่มเพาะ มีการบูรณาการข้อมูล เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนเหมาะกับตัวเอง มีไปรษณีย์ไทยมาช่วยทำหน้าที่ขนส่งสินค้า เพราะระบบการสื่อสารเปลี่ยนเป็นจากเดิม
สำหรับด้าน Innovation หรือนวัตกรรม เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินตัว หมายถึง อะไรก็ได้ ที่ทำให้ขายได้ เราสามารถร่วมคิดสร้างได้ต่อเนื่องจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
งานนี้เป็นเสมือนเวทีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสแสดงออกถึงแนวคิดสินค้า นวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงการแสวงหาสิ่งที่ขาดไปต่อยอดธุรกิจ หรือได้พันธมิตรทำธุรกิจ และหากสนใจจะทำธุรกิจ จะสามารถหาสินเชื่อได้ในงาน เพราะการผลิตจะทำด้วยวิธีเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เอสเอ็มอีส่วนใหญ่มี ตลาดในประเทศ แต่ตลาดส่งออกยังทำได้น้อย
โดยในตลาดส่งออกที่มีมูลค่ารวม 7.5 ล้านล้านบาทนั้น เอสเอ็มอี ยังมีสัดส่วนน้อยกว่า 25% จึงมีช่องว่างที่ยังทำอีกได้ จึงจำเป็นต้องสร้างความแตกต่าง ที่โดดเด่น เพื่อชวนให้คนมาซื้อ ชื่นชมหน่วยงานต่าง ๆ ทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันจัดงานในวันนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาสู่การยกระดับการผลิต การบริการ ภาคอุตสาหกรรมและด้านการค้า”
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Start Up Commitee) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Start Up โดยที่ธนาคารออมสินเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุนธุรกิจนี้มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา และขณะนี้ธนาคารฯ มีความพร้อมที่จะผลักดันงานนี้ให้เป็น Innovation Hub ไทย ที่รวบรวมผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ทั้งสินค้าและบริการ ที่มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนผ่านการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันมีวงเงินอยู่ 10,000 ล้านบาท รวมถึงการสนับสนุนผ่านการร่วมลงทุนหรือ Venture Capital อีก 2,000 ล้านบาท
“เราพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจ SMEs และ Startup เพื่อให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโต และแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐภายใต้โมเดล Thailand 4.0 ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ ธนาคารฯ ได้เตรียมเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยพิเศษสุดสำหรับผู้ร่วมแสดงงาน และผู้เข้าชมงานโดยเฉพาะ”
ทั้งนี้งานจัดแสดงบนพื้นที่รวมกว่า 6,000 ตารางเมตร มีการรวบรวมกลุ่มผู้ประกอบการทางด้าน SMEs และ Startup เกือบ 200 ราย เข้ามาร่วมออกงาน แบ่งเป็น 9 โซน ประกอบด้วย
1. Smart Life โซนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ 2. Food and Cuisine โซนนวัตกรรมทางด้านอาหาร, 3. Smart Business โซนของกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์, 4. Star Startup โซนแสดงสินค้าของเหล่าดารานักแสดง, 5. Smart Innovation โซนของสินค้านวัตกรรมล้ำสมัยพร้อมด้วยบูธของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่จะเข้ามาแสดงผลงาน,
6. GSB Smart Startup โซนของกลุ่มผู้ที่ผ่านโครงการ GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ซึ่งจะมาในรูปแบบของการแสดงสินค้า พร้อมด้วย Showcase ของผู้ที่ได้อันดับ 1 – 3 จากโครงการประกวดแผนธุรกิจ “ออมสินจากร้อยสู่เงินล้าน” ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา อีก 15 ผลงาน, 7. Digital Playground โซนเสนอนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีและดิจิตอล
8. Truck Business โซนของกลุ่มผู้ประกอบการทางด้านรถทรัคเพื่อไปประกอบธุรกิจประเภทต่างๆ เช่น รถ Food Truck, รถทรัคสำหรับขายเสื้อผ้า เป็นต้น โดยภายในงานจะมีรถทรัคจริง ๆ เข้ามาจอดแสดงอยู่ถึง 7 คัน
และ 9. Strategic Partners โซนพันธมิตรของธนาคารซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ SMEs และ Startup ซึ่งจะมาให้ความรู้และคำปรึกษาในด้านการทำธุรกิจโดยเฉพาะ โดยผู้เข้าชมงานสามารถที่จะดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น Mymo และ GSB Pay เพื่อซื้อสินค้าตามโซนต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น พร้อมรับโปรโมชันพิเศษเฉพาะในงานนี้เท่านั้น
นอกจากนี้ในงานจะเป็นการแสดงสินค้าเชิงนวัตกรรมและไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆแล้ว ธนาคารฯ ยังจัดพื้นที่เวทีกลาง ให้กลุ่มนักธุรกิจที่มีความสนใจ ทั้งกลุ่มที่กำลังจะเริ่มธุรกิจ รวมถึงกลุ่มที่เริ่มทำธุรกิจแล้วมาพบปะกัน พร้อมด้วยการจัดสัมมนาย่อยๆ บนเวที โดยมีกูรูที่มีความรู้และมีชื่อเสียงเข้ามาให้ประสบการณ์และคำแนะนำต่างๆ รวมถึงมีกิจกรรม เวิร์คช็อป ให้กับผู้ที่สนใจได้ลองฝึกฝีมือในการแก้โจทย์ทางธุรกิจ พร้อมทั้งยังมีกิจกรรมด้านความบันเทิงจากเหล่าศิลปิน ดารา ที่จะสลับสับเปลี่ยนขึ้นมาสร้างสีสันบนเวที และปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต จากศิลปิน เอ๊ะ จิรากร อีกด้วย