36ปีรร.สอนศิลปการแต่งหน้า ‘MTI’
เปิดทีมใหม่มุ่งยกระดับสู่ตลาดสากล
นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่แบรนด์เครื่องสำอางและโรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าสัญชาติไทยอย่าง “เอ็มทีไอ”...MTI The Professional Makeup ได้เดินหน้ามาอย่างสง่างาม ไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จักของผู้คนในประเทศเท่านั้น หากแต่นานาประเทศทั้งฝั่งเอเชียและฝั่งยุโรปยังรู้จัก “เอ็มทีไอ” เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
จากวันนั้นถึงวันนี้กับการก้าวสู่ 3 รอบ…36 ปี “เอ็มทีไอ” เตรียมขับเคลื่อนและยกระดับ “โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ” สถาบันสอนแต่งหน้าแห่งแรกในเมืองไทย ก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ด้วยการเปิดประตูต้อนรับชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ต้องการเป็น “ช่างแต่งหน้ามืออาชีพ” และเชื่อมโยงโครงข่ายเพื่อยกระดับวงการ “ช่างแต่งหน้าไทย” ครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมเตรียมก้าวสู่การเป็นผู้นำเอเชีย
ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้เปิดตัวคณะผู้บริหารชุดใหม่ที่ดูแลโรงเรียนฯโดยเฉพาะ ประกอบด้วย คุณสุรัช กีรติประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , อ.พรรณอร แสงอาทิตย์,ผู้อำนวยการ โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้า MTI ,อ.มนตรี วัดละเอียด ครูใหญ่ โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้า MTI,คุณอนุรี อนิลบล กรรมการบริหาร บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ คุณจิตติมา วิศิษฏ์กุล ที่ปรึกษา โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้า MTI และคณะวิทยากร
อ.มนตรี วัดละเอียด ครูใหญ่
คุณอนุรี อนิลบล
ทั้งนี้นายสุรัช ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เอ็มทีไอ) ได้กล่าวถึงแนวทางการบริหารงานในส่วนของ “โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ” ว่า โรงเรียนฯ ได้ดำเนินการเปิดสอนการแต่งหน้าในหลักสูตรต่าง ๆ มาตั้งแต่ ปี 2525 ภายใต้พันธกิจ “ให้โอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ” ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพมากมายเข้าสู่วงการต่าง ๆ อาทิ บันเทิง และ แฟชั่น รวมถึงการดำเนินงานตามนโยบายของผู้บริหารระดับสูงของเครือสหพัฒน์อย่าง คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ที่ท่านได้สานต่อนโยบายจากคุณพ่อมาคือ ดร.เทียม โชควัฒนา โดยให้ยึดถือการค้าที่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและต้องมีเมตตาต่อพนักงาน ไม่เอาเปรียบใคร
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 ในปี 2561 ทางโรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอจึงได้ขยายฐานเพื่อเพิ่มช่องทางจากหลักสูตรการเรียนการสอนในกลุ่มคนไทย เน้นเป็นชาวต่างชาติมากขึ้น โดยที่ก่อนหน้านั้นเคยมีชาวต่างชาติ เช่น ลาว เมียนมาร์ มาเรียนเช่นกัน เราจะเน้นกลุ่มอาเซียนและเอเชียก่อน เรามีคณาจารย์ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ส่วนภาษาอื่น เช่น จีน คงต้องอาศัยล่ามไปก่อน
คุณจิตติมา วิศิษฏ์กุล
“ยอมรับว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วขึ้น ผ่านโซเชี่ยลมิเดีย โดยเฉพาะจากยูทูป จากบล็อคเกอร์ จากรีวิวเวอร์ เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นอาจมีปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสาร ในเวลาที่เราไม่เข้าใจ แล้วต้องการสอบถาม ส่วนการเรียนในโรงเรียนฯ จะช่วยทำให้ผู้เรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น คณาจารย์ของเราพร้อมให้คำแนะนำและไขข้อข้องใจแบบตัวต่อตัว อีกทั้งหลักสูตรการเรียนจะเน้นเข้าใจง่าย สนุกกับการเรียน และปรับเปลี่ยนบรรยากาศห้องเรียนให้เหมือนเรียนที่บ้านอีกด้วย”
นายสุรัช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เอ็มทีไอยังอาสาเป็นศูนย์กลางของผู้ประกอบอาชีพช่างแต่งหน้าทุกคนทุกสังกัด ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น โดยเน้นกลุ่มคนไทยเป็นหลัก เพื่อเชื่อมสัมพันธภาพที่ดี พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพช่างแต่งหน้าไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ
ซึ่งที่ผ่านมาได้มีช่างแต่งหน้าชาวไทยโกอินเตอร์เดินทางไปทำงานในภาคธุรกิจบันเทิงและแฟชั่น ทั้งในเอเชีย อย่าง จีนและฮ่องกง ทั้งในอเมริกาและยุโรป อย่างฮอลลีวู้ด แต่พวกเขาเหล่านี้ยังไม่ได้โอกาสเปิดตัวในฐานะคนไทยที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศดังเช่นอาชีพอื่น ๆ
“ขณะนี้ทางเอ็มทีไอได้เชิญศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงและคณาจารย์ทั้งหลายมาพูดคุยกันถึงความร่วมมือในการสร้างสรรค์และพัฒนาวงการช่างแต่งหน้าไทย เช่น การจัดตั้งสมาคมช่างแต่งหน้าแห่งประเทศไทย ที่ยังไม่เคยมีการจัดตั้งมาก่อน ซึ่งเราจะใช้ออฟฟิศของเอ็มทีไอ อาคารไนซ์ 1 เป็นศูนย์ประสานงานเครือข่ายและความร่วมมือที่ดี โดยทุกคนสามารถเดินเข้ามาในออฟฟิศได้ตลอดเวลาที่เปิดดำเนินการ
เรามีห้องรับรองที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเสมือนบ้าน มีห้องประชุม ห้องสัมมนา ที่เราจะหาหัวข้อน่าสนใจ ซึ่งจะแจ้งผ่านช่องทางโซเชี่ยลมิเดีย อย่างเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เป็นต้น ผมมั่นใจว่า ปีหน้าวงการช่างแต่งหน้าต้องคึกคักอย่างแน่นอน”
รวมทีมงาน
นายมนตรี วัดละเอียด ครูใหญ่ โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ และ เมคอัพอาร์ตทิสต์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย กล่าวว่า วงการช่างแต่งหน้าของไทยในปัจจุบันเปลี่ยนไปเยอะมาก เปลี่ยนไปในทางที่ดี มีศักยภาพสูง หลายคนทำงานในระดับโลก แต่พวกเราเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ค่อยได้เปิดตัวต่อสาธารณชน ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้จัก แต่ที่สิ่งที่ขาดหายไปคือ การรวมตัวของช่างต่างหน้า ให้เป็นกลุ่ม เป็นองค์กร เหมือนหลายประเทศที่เขาทำกันเป็นยูเนี่ยน เพื่อเป็นเซ็นเตอร์ของงานและสวัสดิการต่าง ๆ
ใครจะติดต่องานก็ติดต่อผ่านองค์กร ๆ จะช่วยดูแลผลประโยชน์ ต่อยอดงานได้ ไม่อย่างนั้นช่างแต่งหน้าที่เรียนจบมาใหม่ ๆ จะไม่สามารถหางานได้ มักบอกลูกศิษย์ที่มาเรียนทุกรุ่นทุกคลาสว่า ให้รวมตัวกันเป็นเครือข่ายเอาไว้ เวลามีงานจะได้บอกกัน นอกจากนี้เวลาที่เราไปสอนเด็กตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยรังสิต เราก็ไม่ใช่สักแต่สอน ต้องถามเด็ก ๆ ว่าสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้คืออะไร ทำไมถึงอยากเรียนรู้เรื่องนี้
“สมัยก่อนการเรียนแต่งหน้าจะอยู่ในวงแคบ แต่เดี๋ยวนี้ทุกเพศ ทุกวัย เรียนได้หมด ขอเพียงให้คุณมีใจรัก รู้จักพัฒนาฝีมือตนเอง ก้าวให้ทันโลกแฟชั่น มีจริยธรรมและจรรยาบรรณ บอกได้เลยว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะขาขึ้นหรือขาลง แต่อาชีพและงานช่างแต่งหน้ายังคงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ อย่างผู้หญิงก็ต้องแต่งหน้าทุกวัน เพื่อความสวยความมั่นใจ งานแต่งงาน งานรับปริญญา งานในโอกาสพิเศษ งานอีเว้นท์ต่าง ๆ แม้แต่คนตายก็ยังต้องแต่งหน้า ซึ่งช่างแต่งหน้าทั้งหลายจะต้องรักษาคุณภาพของเราเอง สำหรับสิ่งที่ตนเองอยากมองเห็นอนาคตของวงการช่างแต่งหน้าเมืองไทยมากที่สุดคือ เราสามารถเป็นผู้นำหรือกำหนดเทรนด์การแต่งหน้าของเอเชีย รวมทั้งในยุโรปนำเทรนด์ของเราไปใช้ด้วย”
คุณอนุรี อนิลบล กรรมการบริหาร บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เพิ่งได้รับมอบหมายเป็นหนึ่งในทีมใหม่บริหารโรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ กล่าวว่า ในการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโรงเรียนศิลปสอนการแต่งหน้าเอ็มทีไอ ในปี 2561 เอ็มทีไอได้ลงพื้นที่เพื่อทำการวิจัยในกลุ่มเป้าหมายใหม่คือ นักเรียนและนักศึกษา ทั้งสถาบันการศึกษาภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพและมีความสามารถสูง ทำให้ได้ข้อมูลมาพัฒนาและปรับเปลี่ยนโรงเรียนฯ ให้มีความทันสมัยและร่วมสมัย เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นด้านหลักสูตรการเรียน ใช้จ่ายในหลักสูตรต่าง ๆ ข้อเสนอแนะหลากหลายที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะเป็นโอกาสให้คนกลุ่มนี้เข้ามาร่วมทำงานกับเอ็มทีไอมากขึ้น เช่น การออกแบบโฆษณา,การออกแบบผลิตภัณฑ์และแพคเกจจิ้ง
“ต้องบอกว่า จากการที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อย่างเช่นการประกวดดาวเดือนประจำปี ทำให้ทราบว่า คนกลุ่มนี้มีความสนใจในเรื่องของธุรกิจและการใช้เครื่องสำอางมาก หลายคนทำเป็นธุรกิจสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว หลายคนเป็นบล็อคเกอร์ความงาม เป็นคนรีวิวสินค้าได้อย่างน่าสนใจ มียอดคนติดตามมากมาย บางคนกลายเป็นช่างแต่งหน้าในโรงเรียนในมหาวิทยาลัย เวลาที่มีกิจกรรมต่าง ๆ โดยแทบไม่ต้องจ้างช่างแต่งหน้าจากข้างนอกเลย
เราจึงเตรียมโครงการมอบทุนเรียนให้นักเรียนและนักศึกษาผู้สนใจจะเดินบนสายอาชีพช่างแต่งหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าชีวิต ให้เด็ก ๆ ได้ก้าวเข้าสู่วงการช่างแต่งหน้ามืออาชีพได้อย่างสมความภาคภูมิใจ ที่ผ่านมาเราได้มีโครงการมอบทุนเรียนจำนวนหลายทุนให้กับช่างแต่งหน้าที่ขาดโอกาสมาแล้ว”
คุณอนุรี กล่าวด้วยว่าอาชีพช่างแต่งหน้าไม่ได้สงวนสิทธิ์ไว้ให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเติมเต็ม ความรู้ ความชอบ ความถนัดได้ อยากให้ทุกคนได้เปิดโลกทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่างในต่างประเทศ ผู้ชายแท้ ๆ เป็นช่างแต่งหน้ากันเยอะมาก แล้วมีฝีมือดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนเชื่อว่า อาชีพช่างแต่งหน้า ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ เนื่องจากการแต่งหน้าเป็นปัจจัยสำคัญต่อชีวิตของคนเราไปแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งหลาย ที่ใช้การแต่งหน้าเป็นใบเบิกทางไปสู่ความสำเร็จที่สร้างสรรค์ในชีวิต
“ในปี 2561 เราอยากให้เอ็มทีไอเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการบูรณาการและเสริมสร้างองค์ความรู้ศิลปะในการแต่งหน้าผ่านช่องทางต่าง ๆ แต่ให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วย เราอยากให้เป็น WE ARE FAMILY เป็นครอบครัวเดียวกัน คอยเติมเต็มให้กันและกัน เราจะเป็นครอบครัวที่เข้มแข็ง ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนสังคมไทยให้มีสีสันและเกิดความมั่นใจในการดำเนินชีวิต”
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้าเอ็มทีไอ โทร.0-2693-2480 ต่อ ฝ่ายโรงเรียน MTI Makeup School ( ถ.รัชดาภิเษก) และ https://www.mti.co.th